กรุงเทพฯ--4 เม.ย.--อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น
สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ สานต่อโครงการรางวัลคุณภาพแห่งชาติ เป็นปีที่ 4 เชิญชวนองค์กรทั้งภาครัฐ เอกชน ทุกขนาด ทุกประเภท สมัครเข้ารับรางวัลคุณภาพแห่งชาติประจำปี 2548 เพื่อส่งเสริมให้องค์กรของไทยนำเกณฑ์ของรางวัลคุณภาพไปปรับใช้ในการบริหารจัดการเพื่อก้าวสู่มาตรฐานโลก
นายสมภพ อมาตยกุล รองประธานคณะกรรมการรางวัลคุณภาพแห่งชาติ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการมอบรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ว่าเพื่อสร้างแรงจูงใจและส่งเสริมให้องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นภาคการผลิตและบริการ นำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติไปใช้ในการพัฒนาขีดความสามารถ ด้านการบริหารจัดการให้องค์กรมีวิธีการปฏิบัติและผลการดำเนินการในระดับมาตรฐานโลก
โครงการรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ได้รับงบประมาณสนับสนุนการดำเนินการจากภาครัฐ ผ่านกระทรวง อุตสาหกรรม ในปี 2548 นี้ นับเป็นปีที่ 4 ซึ่งตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการ 3 ปีที่ผ่านมานั้น นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี หลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนได้ตื่นตัวและให้ความสนใจเกณฑ์ของรางวัลคุณภาพแห่งชาติ การจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งการสัมมนาทางวิชาการ การฝึกอบรมสัมมนา หนังสือและกิจกรรมอื่นๆ ก็มีผู้ สนใจเข้าร่วมและตอบรับเป็นอย่างดีทุกครั้ง
นายสมภพ กล่าวต่อไปว่าคณะกรรมการรางวัลคุณภาพแห่งชาติ มีความมุ่งหวังว่าในปี 2548 จะมีองค์กรต่างๆ ให้ความสนใจสมัครเข้ารับรางวัลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากองค์กรต่างๆ สมัครขอรับรางวัลมากย่อมจะเกิดประโยชน์ต่อทั้งองค์กรเองและประเทศชาติ โดยประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับนั้นเริ่มจากการตรวจประเมินตนเอง ผู้บริหารจะทราบถึงสภาพที่แท้จริงว่าระบบการบริหารจัดการของตนยังขาดตกบกพร่องในเรื่องใด และเมื่อองค์กรตัดสินใจสมัครรับรางวัล องค์กรจะได้รับการตรวจประเมินด้วยกระบวนการที่มีประสิทธิผล โดยผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายสาขาอาชีพที่ได้รับการฝึกอบรมเพื่อเป็นผู้ตรวจประเมินโดยเฉพาะ และไม่ว่าองค์กรจะผ่านเกณฑ์รับรางวัลหรือไม่ก็ตาม องค์กรจะได้รับรายงานป้อนกลับที่ระบุจุดแข็งและจุดที่ต้องปรับปรุง ซึ่งนับเป็นประโยชน์ต่อการนำไปวางแผนปรับปรุงองค์กรให้สมบูรณ์มากขึ้นต่อไป และหากประเทศไทยมีองค์กรที่ได้รับรางวัลคุณภาพแห่งชาติเพิ่มขึ้น ศักยภาพขององค์กรที่เพิ่มขึ้นจะเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ อันจะส่งผลต่อความมั่นคงและความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในเวทีการค้าโลกได้ในที่สุด
นายสังวร รัตนรักษ์ รองผู้อำนวยการสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า รางวัลคุณภาพแห่งชาติไม่ใช่การแข่งขันระหว่างองค์กรเพื่อความเป็นผู้ชนะ แต่เป็นการแข่งกับตัวเอง องค์กรที่สมัครจะได้รับ การตรวจประเมิน และได้คะแนนตามเกณฑ์ซึ่งมีคะแนนรวมทั้งสิ้น 1,000 คะแนน เกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินผลรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ประกอบด้วย 7 หมวด คือ การนำองค์กร การวางแผนเชิงกลยุทธ์ การมุ่งเน้นลูกค้าและตลาด การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ การมุ่งเน้นทรัพยากรบุคคล การจัดการกระบวนการและผลลัพธ์ทางธุรกิจ โดยรางวัลคุณภาพแห่งชาติ จะไม่แบ่งประเภทและไม่จำกัดจำนวนรางวัล องค์กรที่มีผลการตรวจประเมิน 650 คะแนนขึ้นไป จะได้รับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award : TQA) ส่วนองค์กรที่มีคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ดังกล่าว แต่สูงกว่า 350 คะแนน จะได้รับรางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศ (Thailand Quality Class : TQC) ดังนั้น ในแต่ละปี อาจมีผู้ได้รับรางวัล TQA และ TQC มากกว่า 1 องค์กรได้
นายสมภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป คณะกรรมการฯ มีนโยบายที่จะส่งเสริมให้องค์กร SMEs สมัครเข้ารับรางวัล เพื่อกระตุ้นให้องค์กรเหล่านี้เกิดความตื่นตัวและมีพื้นฐานในการบริหารจัดการที่ดี โดยขณะนี้ โครงการพัฒนาเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนการศึกษาศักยภาพ จุดแข็งและโอกาสในการปรับปรุงตามแนวทางรางวัลคุณภาพแห่งชาติของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทย เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการปรับปรุงพัฒนาเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยมีองค์กรนำร่องทั้งจากภาคการผลิตและการบริการ รวม 4 องค์กร และมีขั้นตอนดำเนินการ คือ ให้ความรู้เกี่ยวกับเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติศึกษาระบบการบริหารจัดการ จัดทำรายงานวิธีการและผลการดำเนินงานตามแนวทางรางวัลคุณภาพแห่งชาติ และตรวจประเมินด้วยกระบวนการที่เทียบเคียงกับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ เพื่อให้ทราบถึงระดับศักยภาพตลอดจนจุดแข็งและโอกาสในการปรับปรุงตามแนวทางรางวัลคุณภาพแห่งชาติ และนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการปรับปรุงพัฒนาเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปัจจุบัน ธุรกิจ SMEs เป็นธุรกิจกลุ่มใหญ่ของประเทศ หากธุรกิจกลุ่มนี้มีขีดความสามารถและมีศักยภาพ ก็จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศ
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
คุณอุษณีย์ ถาวรกาญจน์
ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์
บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด
โทร.0 2354 3588 โทรสาร 0 2354 3590
Email : [email protected]จบ--
- ธ.ค. ๒๕๖๗ อินทิเกรเต็ดฯ ปรับโครงสร้างองค์กร ก้าวสู่ยุค Metaverse PR เสริมทัพด้วยแผนก Business Development & Digital เดินหน้าบุกงานพีอาร์ออฟไลน์-ออนไลน์เต็มรูปแบบ
- ธ.ค. ๒๕๖๗ วปอ.2555 มอบถุงรอดตาย ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด Home Isolation
- ธ.ค. ๒๕๖๗ สหพัฒน์และผู้บริหาร บริจาคเงิน 1.7 ล้าน ในโครงการ "เตียงต่อชีวิต ผู้ป่วยโควิด-19"