ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ดังกล่าว ตามนโยบายของรัฐบาลและคำขวัญของพลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ว่า "ทำก่อน ภัยแล้งจะมาถึง ทำจริง ทุกพื้นที่ภัยแล้งซ้ำซาก ทำทันที ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ระดมกำลังทั้งด้านบุคลากร เครื่องจักรและอุปกรณ์ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ประกอบด้วย ชุดเจาะบ่อน้ำบาดาลพร้อมรถบรรทุกเครื่องมืออุปกรณ์ 86 ชุด ชุดเป่าล้างทำความสะอาดบ่อน้ำบาดาล 85 ชุด รถปรับปรุงคุณภาพน้ำเคลื่อนที่ 18 คัน รถบรรทุกน้ำ 93 คัน จุดจ่ายน้ำถาวร 87 แห่ง และมีระบบน้ำดื่มสะอาดในโรงเรียนทั่วประเทศ ที่พร้อมเป็นจุดจ่ายน้ำสะอาดให้ความช่วยเหลือทันทีเมื่อเกิดพิบัติภัย 2,631 แห่ง โดยที่ผ่านมา (ปลายปี 2557-ปัจจุบัน) กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้นำน้ำบาดาลสะอาดแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ไปแล้วกว่า 1,205,025 ลิตร
นอกจากนี้ กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้เข้าร่วมโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจช่วยภัยแล้ง” ประจำปี 2558 ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการนับตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2558 ประกอบด้วย 5 หน่วยงาน ได้แก่ กองทัพบก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ให้การสนับสนุนจุดจ่ายน้ำ 87 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ ภาคเหนือ 20 จุด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 37 จุด ภาคกลาง 16 จุด ภาคตะวันออก 8 จุด และภาคใต้ 6 จุด เพื่อให้กองทัพบกสามารถนำกำลังพลพร้อมรถบรรทุกน้ำเข้าไปรับน้ำบาดาลสะอาดจากจุดจ่ายน้ำ และนำไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยแล้งต่อไป
สำหรับในปีงบประมาณ 2558 กรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีแผนงานโครงการสำคัญที่มีส่วน ในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้งอยู่แล้ว จำนวน 3 โครงการ โดยแบ่งการดำเนินงาน เป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่หนึ่ง เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่ที่คาดว่าจะประสบภัยแล้ง 31 จังหวัด จำนวน 1,321 หมู่บ้าน ให้แล้วเสร็จก่อน ซึ่งผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558 มีการเจาะบ่อน้ำบาดาลแล้ว จำนวน 1,074 หมู่บ้าน หรือคิดเป็นร้อยละ 82 และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2558 นี้ ส่วนระยะที่สอง จะเร่งดำเนินการในพื้นที่อื่นๆ อีก 1,347 หมู่บ้าน เพื่อให้ครบตามเป้าหมายทั้งสิ้น 2,668 หมู่บ้าน
โครงการสำคัญทั้ง 3 โครงการดังกล่าว หากกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ดำเนินการแล้วเสร็จ จะเกิดประโยชน์กับประชาชน ดังนี้
- โครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค จำนวน 305 แห่ง เป็นการจัดหาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อเชื่อมต่อกับระบบประปาเดิมที่แต่ละหมู่บ้านมีอยู่แล้ว เพียงแต่อาจจะไม่มีน้ำเพียงพอ จะช่วยให้ประชาชนมีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างพอเพียงตลอดฤดูแล้ง โดยสามารถนำ น้ำบาดาลขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ถึง 29,280 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และจะมีประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 244,000 คน รวม 61,000 ครัวเรือน
- โครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อสนับสนุนน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ จำนวน 323 แห่ง ช่วยให้นักเรียนและบุคคลากรในโรงเรียน รวมถึงบุคลากรในพื้นที่มีน้ำดื่มสะอาดมาตรฐานองค์การอนามัยโลก และเป็นจุดให้บริการน้ำอุปโภคบริโภคในช่วงที่เกิดพิบัติภัยธรรมชาติได้อีกด้วย โดยสามารถนำ น้ำบาดาลขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ถึง 69,768 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน จะมีนักเรียน บุคลากรของโรงเรียน และชุมชนรอบข้างได้รับประโยชน์กว่า 258,400 คน รวม 64,600 ครัวเรือน
- โครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง จำนวน 693 แห่ง เพื่อสนับสนุนการประกอบอาชีพเกษตรกรรมในช่วงฤดูแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ให้มีแหล่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกพืชผักในการเลี้ยงชีพและประกอบอาชีพ ช่วยให้คนในพื้นที่มีงานทำ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และช่วยบรรเทาปัญหาการละทิ้งถิ่นฐานไปหางานทำในเมืองใหญ่ โดยสามารถนำน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ถึง 55,440 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน จะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 66,250 ไร่ และเกษตรกรได้น้ำทำการเกษตร 3,800 ครัวเรือน
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลกล่าวต่อไปว่า หากประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ต้องการขอรับความช่วยเหลือด้านน้ำอุปโภคบริโภค สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์บริการประชาชน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สายด่วน 1310 หรือศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล โทรศัพท์ 0 2793 1000 ในวันและเวลาราชการ