นายมารุต มณีสถิตย์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ พีทีอี ลิมิเต็ด หรือ เอชดีเอส กล่าวว่า ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าไนประเทศไทย ระบบคลาวด์เริ่มจะเป็นที่รู้จักและแพร่หลายมากขึ้น ภาคธุรกิจ และรัฐบาล หันมาใช้เทคโนโลยีนี้มากขึ้น เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่คุ้มค่าในการลงทุน เพิ่มความสะดวกสบายในการบริหารจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลให้เป็นระบบได้ดี และยังง่ายต่อการเพิ่มเติมฟังก์ชั่นการทำงานของแต่ละหน่วยงาน ที่มีความแตกต่างกันอีกด้วย ดังนั้นฮิตาชิฯ จึงเปิดตัว 3 ตัวเลือกใหม่ เพื่อรองรับการทำงานของระบบคลาวด์องค์กร ทั้งไพรเวทคลาวด์ (Private Cloud), คลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) และไฮบริด คลาวด์ (Hybrid Cloud) ประกอบด้วย 1. HDS Managed Private Cloud 2. HDS Cloud Automation Suite และ 3. Hitachi Solutions for Private Cloud สำหรับลูกค้าผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต และคู่ค้าทางธุรกิจ ให้ได้รับประโยชน์จากการใช้งานระบบคลาวด์ด้วยความยืดหยุ่น และเพิ่มความมั่นใจในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลสูงสุด
1. HDS Managed Private Cloud คือ ลูกค้ามีไพรเวทคลาวด์เป็นของตัวเอง แต่ต้องการให้มีคนเข้ามาช่วยบริหารจัดการดาต้าเซ็นเตอร์ให้ ซึ่งฮิตาชิฯ มีบริการส่งบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเข้าไปทำงานให้ในบริษัทลูกค้าเลย จะเข้าไปช่วยบริหารจัดการให้ว่าแต่ละแผนก ต้องจัดการกับข้อมูลองค์กรอย่างไร วางแผนล่วงหน้าว่าในอนาคตองค์กรจะต้องซื้ออะไรเพิ่มเพื่อมารองรับการเติบโตของธุรกิจ ฮิตาชิฯ ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา (Consulting Design Translation and Managements)
2. HDS Cloud Automation Suite คือ ฮิตาชิจะเข้าไปสร้างให้องค์กรคุณเป็น Cloud automate ได้ด้วยชุดสำเร็จรูปที่เรียกว่า HDS Hitachi Unified Compute Platform (UCP) อาทิ UCP VMware คือองค์กรไม่มีดาต้าเซ็นเตอร์มาก่อนเลย และฮิตาชิฯ ต้องจะสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ให้เป็น cloud Automate เหมาะกับองค์กรที่ต้องการใช้บริการคลาวด์ แต่ต้องการฮาร์ดแวร์น้อยๆ และสามารถใช้งานคลาวด์ได้จริง
3. Hitachi Solutions for Private Cloud คือบริการนี้จะคล้ายกับ HDS Cloud Automation Suite แต่จะมีทั้ง สตอเรจ, มีเซิฟเวอร์, มี UCP คือจะไปสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ให้บริษัทลูกค้า องค์กรขาดตรงไหน ทางฮิตาชิฯ ก็จะนำเสนอผลิตภัณฑ์เข้าไป คือจะเป็นโซลูชั่นที่นำเสนอเข้าไป ให้องค์กรสามารถนำไปบริหารจัดการคลาวด์ของตนเองได้เอง ซึ่งตัวนี้จะเป็นตัวใหญ่สุดของบริการที่ฮิตาชิฯมี เหมาะกับองค์กรที่ต้องการวางระบบ Private cloud ใหม่ หรืออยากจะรีเซ็ทดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีอยู่เดิม ซึ่งจะประกอบไปด้วย ดาต้าซอฟแวร์ สตอเรจตัวใหญ่
ในประเทศไทย ฮิตาชิฯ ยังรับทำไพรเวทให้คนอื่น โดยใช้ HCP เชื่อมต่อไปยังไพรเวทคลาวด์ของผู้อื่น และสามารถไปสร้างไพรเวทคลาวด์ และไฮบริดคลาวด์ให้ลูกค้าได้ นอกจากนี้ฮิตาชิฯ ยังให้บริการ “ฮิตาชิคลาวด์” ได้แก่Hitachi Cloud Service Provider Program คือ ฮิตาชิฯ จะจับมือกับผู้บริการ provider เป็นการลงทุนร่วมกัน โดยที่ฮิตาชิ เรียกเก็บค่าบริการในการบริหารจัดการ กล่าวคือ provider ลงทุนในส่วนของการตลาด และพื้นที่ให้บริการ แต่ฮิตาชิฯลงทุนในส่วนของ ผลิตภัณฑ์ หรือโซลูชั่นสำหรับให้บริการคลาวด์
“จุดเด่นคลาวด์ของฮิตาชิ คือ มีราคาถูกกว่า ถูกกว่าในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าลดราคาเพื่อไปแข่งขัน แต่ด้วยเทคโนโลยีของฮิตาชิฯ จะสามารถใช้จำนวนเซิฟเวอร์ และสตอเรจน้อยกว่าเจ้าอื่น แต่นำไปใช้งานได้เหมือนกัน จึงทำให้บริษัทที่ซื้อสินค้าของฮิตาชิฯไปจะลดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าไฟ, ค่าสถานที่ ส่งผลให้มีต้นทุนต่ำ และสามารถไปออกให้บริการแข่งขันให้บริการคลาวด์กันกับเจ้าอื่นๆในตลาดได้ ด้วยความน่าเชื่อถือในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้วยสินค้าคุณภาพมาตรฐานของฮิตาชิฯ” นายมารุต กล่าวทิ้งท้าย