นายธานินทร์ บูรณมานิต กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หุ้นกู้ที่จะจัดจำหน่ายในครั้งนี้ เป็นการออกหุ้นกู้เพื่อนำไปทดแทนเงินกู้ยืม จึงไม่ได้เป็นการก่อหนี้เพิ่ม ทั้งนี้ซีพี ออลล์ ได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ไปแล้วทั้งสิ้น 4 ครั้งโดยการเสนอขายที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไป นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ รองกรรมการผู้จัดการได้ให้ข้อมูลหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้ว่าเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้อายุ 2 ปี และ 5 ปี ทั้งนี้สำหรับหุ้นกู้อายุ 5 ปี ซีพี ออลล์ มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด (Call Option)โดยสามารถไถ่ถอน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนได้ภายหลังจากครบกำหนด 1 ปี นับจากวันออกหุ้นกู้ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการเงินทุนในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น
การเสนอขายครั้งนี้จะเสนอขายผู้ลงทุนทั่วไปขั้นต่ำ 100,000 บาทต่อชุด และเพิ่มเป็นทวีคูณของ 100,000 บาท กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน โดยจะเสนอขายหุ้นกู้เร็วๆนี้ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมรวมถึงอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้จะประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไป
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก บริษัท ฟิทช์เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ระดับ “A+(tha)” ซึ่งอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าวสะท้อนถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจของซีพี ออลล์และแม็คโครที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปีมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งทั้งในธุรกิจร้านสะดวกซื้อและธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าระบบสมาชิกแบบชำระเงินสด และบริการตนเอง และมีกระแสเงินสดที่มั่นคงเนื่องจากสินค้าที่ขายส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกของไทยมายาวนานกว่า 26ปี ที่ให้บริการความสะดวกกับทุกชุมชน ทุกทิศทั่วไทย ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ครั้งนี้อยู่ระหว่างการจัดทำโดยบริษัท ฟิทช์เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้
ประชาชนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากร่างหนังสือชี้ชวน ผ่านทาง www.sec.or.thหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหุ้นกู้ได้ที่สถาบันการเงินที่เป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ หรือที่ Call Center ของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (โทร. 02-111-1111) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (โทร. 02-777-7777) ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) (โทร. 1595) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) (โทร. 1333) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (โทร. 1572) ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (โทร. 1770) และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) (โทร.02-305-9559)