นายบัญชา องค์โฆษิต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอดปี 2557 บริษัทฯ และบริษัทย่อย (กลุ่มบริษัท) สามารถทำสถิติยอดขายและกำไรสูงสุดใหม่ต่อเนื่องทุกไตรมาส ส่งผลให้ผลประกอบการในปีนี้โดดเด่นกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยในส่วนของยอดขายนั้น เพิ่มขึ้นจาก 9,293.9 ล้านบาท ในปี 2556 เป็น 11,284.3 ล้านบาท เท่ากับเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.4 ของยอดขาย
“ยอดขายที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยเป็นผลมาจากปริมาณการขายที่คิดเป็นจำนวนตารางฟุตเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 14.1 เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเกิดจากสภาวะตลาดที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ จึงทำให้มีความต้องการในสินค้าเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากลูกค้าเก่าและจากธุรกิจใหม่ ประกอบกับการดำเนินงานที่ดีเกินคาดของเคซีอี เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่มีกำลังการผลิตเป็นครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตรวมของกลุ่ม รวมทั้งเป็นผลมาจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตในโรงงานทุกแห่งทำให้โรงงานสามารถผลิตสินค้าได้จำนวนมากขึ้น” นายบัญชา กล่าว
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายนั้น มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากร้อยละ 26.3 เป็นร้อยละ 31.6 เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุเพราะต้นทุนขายลดต่ำลง และผลจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งต้นทุนที่ลดลงนั้นเป็นผลโดยตรงจากการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น การปรับประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง และอัตราของเสียที่ทรงตัวในระดับต่ำ อีกทั้งราคาวัตถุดิบที่ลดลงก็มีส่วนช่วยด้วยเช่นกัน
ทางด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสำหรับปี 2557 นั้น มีสัดส่วนโดยเฉลี่ยที่ร้อยละ 14.9 ของยอดขายรวม หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานที่เพิ่มขึ้นตามผลประกอบการของบริษัท รวมทั้งมีการรับรู้ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นจากโครงการ ESOP และมีการตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าของทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้งาน ตลอดจนมีค่าใช้จ่ายก่อนการดำเนินงานของโรงงานใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายพนักงานฝึกงานของฝ่ายปฏิบัติการ โดยคาดว่าโรงงานใหม่จะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในไตรมาสแรกของปี 2558
“ปี 2557 นับเป็นปีที่เคซีอีสามารถสร้างผลกำไรได้เป็นที่น่าพอใจ โดยมีกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 1,827.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ถึงร้อยละ 68.6 ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของรายได้และอัตรากำไรที่สูงขึ้น และชดเชยด้วยค่าใช้จ่ายขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นจำนวนหนึ่ง ในส่วนของกำไรสุทธิรวมสามารถทำได้ที่ 2,109.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 79.8 จากปี 2556 และกำไรต่อหุ้นพื้นฐาน เพิ่มเป็น 3.89 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรต่อหุ้นพื้นฐานอยู่ที่ 2.53 บาทต่อหุ้น” นายบัญชา กล่าว