คลาร่า-จูมิ คัง ยอดนักไวโอลินสาวชาวเกาหลีชื่อดังระดับนานาชาติ บรรเลงเดี่ยวกับวง BSO วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20.00 น. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

มูลนิธิวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพฯ ร่วมกับบี.กริม มูลนิธิสุขุโม เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ และTNN24จัดคอนเสิร์ตรายการ “Clara-Jumi Kang plays Saint-Saens Violin Concerto No.3” เชิญคลาร่า-จูมิ คังยอดนักไวโอลินสาวชาวเกาหลีระดับนานาชาติ บรรเลงกับวง BSO ในบทเพลงคอนแชร์โตหมายเลข 3ของแซงท์-ซองส์ พร้อมด้วยเพลงชุด “Mother Goose” ของมัวริส ราเวล และชิมโฟนีหมายเลข 8 ของอันโทนิน ดโวช้าค กำหนดแสดงในวันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20.00 น. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยรายการเพลงเริ่มด้วยเพลงชุดหรือสวีท (Suite) 5 บท ชื่อ “Mother Goose” ประพันธ์โดยมัวริส ราเวล คีตกวีชื่อดังชาวฝรั่งเศสยุคโรแมนติค ซึ่งแต่งเพลงนี้ขึ้นในแบบดนตรีพรรณนา เป็นการใช้ดนตรีเล่าเรื่องบรรยายให้เห็นภาพเรื่องราวต่างๆ เพลงทั้ง 5 บทนี้ใช้บางตอนของเทพนิยายหรือนิทานสำหรับเด็ก อาทิเรื่อง “Sleeping Beauty”, “Beauty and The Beast” มาเล่าเรื่อง สร้างจินตนาการด้วยเสียงจากเครื่องดนตรีชนิดต่างๆของวงออร์เคสตร้าได้อย่างไพเราะน่าทึ่ง งานชิ้นนี้แต่งขึ้นเพื่อใช้ประกอบการแสดงบัลเล่ต์ เพลงไฮไลท์ของคอนเสิร์ตคือ ไวโอลินคอนแชรโต้หมายเลข 3 ประพันธ์โดย คามิลล์ แซงท์-ซองส์ คีตกวีเอกชาวฝรั่งเศสศิลปินเดี่ยวไวโอลินคือ คลาล่า-จูมิ คัง งานชิ้นนี้เป็นเพลงเดี่ยวไวโอลินแนวโรแมนติคที่น่าฟังมากที่สุดบทหนึ่ง ดนตรีให้อารมณ์ที่เร้าใจ ตื่นเต้น สลับเปลี่ยนไปมากับทำนองที่ไพเราะอ่อนหวาน สง่างาม สำหรับศิลปินเดี่ยวไวโอลิน นอกจากจะต้องมีความสามารถสูงเป็นพิเศษ ทั้งด้านเทคนิคและลูกเล่นที่โลดโผน วิจิตรพิสดารแล้ว ยังต้องพร้อมด้วยความสามารถในการแสดงออกซึ่งวุฒิภาวะด้านความคิด อารมณ์ และสติปัญญาทางศิลปะของตนเองได้อย่างอิสระและทรงพลัง เพราะไม่มีขีดจำกัดในฝีมือ บทบาทของวงออร์เคสตร้าในเพลงนี้ไม่ใช่เพียงการบรรเลงประกอบเท่านั้น หากแต่เป็นการประชันกับไวโอลิน จึงเป็นการท้าทายทั้งศิลปินเดี่ยวและวงมาก ผลงานชิ้นนี้จึงได้รับการยกย่องให้เป็นไวโอลินคอนแชร์โต้ระดับมาสเตอร์พีชที่มีชื่อเสียงถูกนำมาบรรเลงและนิยมฟังกันมากที่สุดบทหนึ่งรายการจะจบด้วยบทเพลงซิมโฟนีหมายเลข 8 ของอันโทนิน ดโวช้าค คีตกวีชาวเช็ค เป็นงานที่สะท้อนอารมณ์ของผู้ประพันธ์ซึ่งแต่งเพลงนี้ขึ้นด้วยความดื่มด่ำประทับใจในบรรยากาศ ธรรมชาติของชนบท ความงดงามของท้องทุ่งที่สัมผัสแสงแดดอันอบอุ่น ดนตรีแสดงถึงความรู้สึก อารมณ์ที่สดใส ร่าเริง สง่างามมีชีวิตชีวา บางช่วงมีลักษณะเป็นเพลงวอลซ์ที่อ่อนหวาน ทำนองไพเราะอย่างมีเสน่ห์ ในตอนท้ายจะได้ยินสำเนียงทำนองเพลงพื้นเมืองของชาวโบฮีเมียนหรือชาวเช็คแทรกเข้ามา จบลงด้วยดนตรีที่ให้ความรู้สึกที่เร้าใจ เต็มไปด้วยพลังประหนึ่งจะประกาศว่าธรรมชาติจะต้องยืนยงเหนือสิ่งใด