นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการ สพฉ. กล่าวว่า การแข่งขันครั้งนี้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันคือตัวแทนที่ชนะเลิศจากการแข่งขันในระดับเขตจาก 12 เขตทั่วประเทศ โดยจะแบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 ระดับ คือ 1.ทีมชุดปฏิบัติการฉุกเฉินระดับสูง (ALS) ที่ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล และพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ 2.ทีมชุดปฏิบัติการฉุกเฉินระดับต้น (BLS) ประกอบด้วยพนักงานฉุกเฉินการแพทย์และอาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ และ 3.ทีมชุดปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินเบื้องต้น (FR) โดยจะแข่งขันกันเป็นฐานเสมือนการแข่งขันแรลลี่ที่ผู้เข้าแข่งขันจะต้องร่วมกันแก้โจทย์การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินจากสถานการณ์ต่างๆ รวมทั้งสิ้น 6 สถานการณ์ ซึ่งแต่ละสถานการณ์มีการประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์การเจ็บป่วยฉุกเฉินและอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในปัจจุบัน อาทิ สถานการณ์ระเบิดที่มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก สถานการณ์การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นนอกโรงพยาบาล สถานการณ์การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ การช่วยทำคลอดฉุกเฉิน การช่วยเหลือผู้ป่วยที่สงสัยติดเชื้อ Ebola เป็นต้น
นพ.อนุชา กล่าวต่อว่า การแข่งขันในครั้งนี้ถือเป็นฝึกทักษะและทบทวนความรู้ให้กับทีมผู้ปฏิบัติการทางการแพทย์ฉุกเฉินให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลาในทุกสถานการณ์ รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับทีมกู้ชีพที่อาจจะยังไม่เคยพบกับสถานการณ์นั้นๆ ด้วย เช่น การช่วยเหลือผู้ป่วยที่สงสัยติดเชื้อ Ebola ทีมกู้ชีพที่เข้าช่วยเหลือนั้นจะต้องรู้ถึงแนวทางป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อตามหลักสากลซึ่งทีมกู้ชีพที่เข้าช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินจะต้องมีอุปกรณ์ป้องกันที่ครบถ้วนเพื่อไม่ไปสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง หรือในสถานการณ์เหตุการณ์ระเบิดนั้นก่อนอื่นทีมกู้ชีพจะต้องมีการประเมินความปลอดภัยก่อน ต่อมาจึงพิจารณาถึงกลไกการบาดเจ็บ ความรุนแรงของเหตุการณ์ โดยหากมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากเกินขีดความสามารถจะต้องรีบขอกำลังสนับสนุน พร้อมกันนี้จะต้องทำการคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินเพื่อจัดลำดับความเร่งด่วนในการช่วยเหลือตามระดับความรุนแรงไว้ในจุดที่ปลอดภัยด้วย
นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์ที่เราพบได้บ่อยครั้งและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากที่สุดของคนไทย คือ อุบัติเหตุจราจร ซึ่งทีมกู้ชีพที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีจะต้องมีการประเมินสภาพแวดล้อมของจุดเกิดเหตุเพื่อป้องกันอันตรายสำหรับทีมและผู้ป่วยฉุกเฉินด้วย อาทิ หากเกิดอุบัติเหตุบนถนนจะต้องนำกรวยจราจรไปวางเตือนห่างจากจุดเกิดเหตุอย่างน้อย 100 เมตร จากนั้นให้รีบประเมินผู้ป่วยฉุกเฉิน โดยการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินจากอุบัติเหตุสิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ คอและหลัง
อย่างไรก็ตามสำหรับผลการแข่งขันการพัฒนาทักษะการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุ (EMS Rally) ทีมที่ชนะเลิศในระดับชุดปฏิบัติการฉุกเฉินระดับสูง (ALS) คือ เขตสุขภาพที่ 7 คือ โรงพยาบาลมหาสารคาม รองชนะเลิศอันดับหนึ่งคือ เขตสุขภาพที่ 4 โรงพยาบาลสระบุรี และรองชนะเลิศอันดับสอง คือ เขตสุขภาพที่ 1 โรงพยาบาลลำปาง ส่วนในระดับชุดปฏิบัติการฉุกเฉินระดับต้น (BLS) ทีมที่ชนะเลิศได้แก่ เขตสุขภาพที่ 7 กู้ชีพซำสูง รองชนะเลิศอันดับหนึ่งคือ เขตสุขภาพที่ 10 ทีมกู้ชีพยโสธร และรองชนะเลิศอันดับสอง คือ เขตสุขภาพที่ 2 กู้ชีพเทศบาลเมืองวิเชียรบุรี และในระดับ ชุดปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินเบื้องต้น (FR) ทีมที่ชนะเลิศได้แก่ เขตสุขภาพที่ 7 กู้ชีพเมืองมหาสารคาม รองชนะเลิศอันดับหนึ่งคือ เขตสุขภาพที่ 11 กู้ชีพพังงา และรองชนะเลิศอันดับสอง คือ เขตสุขภาพที่ 4 กู้ชีพสระบุรี