ก.เกษตรฯ แก้ปัญหาประมงอินโดฯ

จันทร์ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๕ ๑๑:๒๕
เกษตรฯ บุกแดนอิเหนา เจรจาความร่วมมือภาคประมงเร่งผลักดันการทำ MOU หวังช่วยผู้ประกอบการไทย จากกฎระเบียบใหม่ของอินโดฯ

นายวิมล จันทรโรทัย โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงกิจการทางทะเลและประมงของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ได้ออกกฎกระทรวงฯ เรื่อง การระงับการต่อใบอนุญาตการทำประมง เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา โดยมีผลถึงวันที่ 30 เมษายน 2558 นั้น ทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการประมงของไทยที่เข้าไปทำการประมงในลักษณะร่วมทุน (Joint Venture) กับภาคเอกชนของอินโดนีเซีย ซึ่งตามกฎระเบียบการร่วมทุน เรือประมงไทยจะต้องถอนทะเบียนเรือไทยและโอนสัญชาติเป็นเรือประมงอินโดนีเซียก่อนจึงจะสามารถขอใบอนุญาตทำการประมงในน่านน้ำอินโดนีเซียได้ นอกจากนี้ ยังได้ออกกฎระเบียบกำหนดให้เรือประมงที่ต่อจากต่างประเทศใช้ลูกเรือประมงอินโดนีเซียทั้งหมด ส่งผลให้ในปัจจุบันเรือบรรทุกสัตว์น้ำของไทย จำนวน 4 ลำ เรือประมงภายใต้บริษัทร่วมทุนจะต้องเป็นสัญชาติอินโดนีเซียแล้ว จำนวนประมาณ 200 ลำ มีคนงานในเรือรวมทั้งสิ้นประมาณ 5,000 คน ต้องจอดเทียบท่าที่ท่าเรืออินโดนีเซีย โดยที่ทางการอินโดนีเซียไม่อนุญาตให้นำสัตว์น้ำกลับมาประเทศไทยด้วยเรือบรรทุกสัตว์น้ำดังกล่าว ทำให้บริษัทร่วมทุนต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลเรือประมง ลูกเรือ และสัตว์น้ำบนเรือ คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 1,500,000 บาท/ลำ/เดือน ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้เร่งรัดการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยได้มอบหมายให้นายจุมพล สงวนสิน อธิบดีกรมประมง พร้อมเจ้าหน้าที่กรมประมงไปเยือนกรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อร่วมเจรจาหารือกับ Dr. Gellwynn Jusuf อธิบดีกรมจับสัตว์น้ำของอินโดนีเซีย เกี่ยวกับความร่วมมือทำการประมงระหว่างไทยกับอินโดนีเชีย

ด้านนายจุมพล สงวนสิน อธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า การหารือในครั้งนี้ มีประเด็นหารือที่สำคัญ 5 ประเด็น ด้วยกัน คือ 1. การจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านการประมงฉบับใหม่ ซึ่งขอบเขตความร่วมมือตามที่ได้ระบุไว้ในร่างบันทึกความเข้าใจฯ อาทิ การป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม โดยอาศัยเวทีการประชุมระดับทวิภาคี ภูมิภาค และพหุภาคี การส่งเสริมมาตรการของรัฐเจ้าของท่าเรือเพื่อป้องกันยับยั้ง และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม การแบ่งปันข้อมูลและข้อสนเทศเกี่ยวกับการนำเข้า/ส่งออกผลิตภัณฑ์ประมง การขนถ่ายสัตว์น้ำ หากมีใบรับรองการจับสัตว์น้ำ และการจดทะเบียน หรือการจดทะเบียนเรือประมงตามที่ร้องขอ และส่งเสริมการลงทุนด้านการประมง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการแปรรูป

สำหรับร่างเอ็มโอยูดังกล่าว ได้ข้อยุติจากฝ่ายไทยและอินโดนีเซียเรียบร้อยแล้ว (ร่างสถานะวันที่ 8 ตุลาคม 2556) ในส่วนของฝ่ายไทยอยู่ระหว่างการนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนที่จะมีการลงนามระหว่างกัน ทั้งนี้ จากการเจรจากับฝ่ายอินโดนีเซีย ปรากฏว่า ทางอินโดนีเซียขอให้ฝ่ายไทยรอให้ครบกำหนดของการระงับการต่อใบอนุญาตการทำประมงชั่วคราว (moratorium) ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 30 เมษายน 2558 และจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายด้านการประมงของอินโดนีเซีย โดยฝ่ายอินโดนีเซียจะปรับนโยบายโดยพิจารณาจากผลการประเมินของตรวจสอบเรือประมงภายใต้บริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ระหว่างภาคเอกชนไทยและอินโดนีเซียที่กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการอยู่ในขณะนี้

2. ฝ่ายอินโดนีเซียประสงค์จะขอแลกเปลี่ยนข้อมูลการถอนทะเบียนเรือของเรือประมงไทยที่มาทำประมงร่วมกับภาคเอกชนอินโดนีเซีย รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลการส่งออกสินค้าสัตว์น้ำจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งฝ่ายไทยได้แจ้งว่าเรื่องนี้ถูกบรรจุอยู่ภายใต้เอ็มโอยูเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าวอยู่แล้ว โดยฝ่ายไทยยินดีที่จะดำเนินการภายหลังจากการลงนามในร่างเอ็มโอยูทั้งสองฝ่ายเรียบร้อยแล้ว

3. ฝ่ายไทยขอทราบรายละเอียดเรื่องขั้นตอนของการตรวจสอบ ตามกฎกระทรวงกิจการทางทะเล

และประมง ฉบับที่ 56/2014 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2014 ซึ่งเกี่ยวกับการระงับการออกใบอนุญาตต่างๆ และข้อเสนอเรื่องการใช้มาตรการอนุรักษ์อื่นๆ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 2/2015 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2558 ว่าด้วยการสั่งห้ามใช้เครื่องมืออวนลากและอวนล้อมทำการประมงในน่านน้ำ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยเสนอให้ฝ่ายอินโดนีเซียพิจารณาใช้มาตรการอื่นๆ เช่น กำหนดเขตทำการประมงและเขตอนุรักษ์ รวมทั้งการกำหนดขนาดตาอวนที่เหมาะสม พร้อมให้ระยะเวลาปรับเปลี่ยน (transition period) แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งฝ่ายอินโดนีเซียแจ้งว่ายขอให้ฝ่ายไทยทำหนังสือมาเป็นทางการเพื่อขอทราบรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทางอินโดนีเซียจะได้หารือเชิงเทคนิคที่ชัดเจนต่อไป

4. ฝ่ายอินโดนีเซียเน้นย้ำว่า อินโดนีเซียมีนโยบายในการแยกประเภทเรือที่ทำการประมงร่วมทุน

ที่ถูกต้องตามกฎหมายออกจากเรือประมงที่ทำการประมงผิดกฎหมาย และประสงค์จะสนับสนุนการทำการประมงของเรือประมงที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น

5. ฝ่ายอินโดนีเซียรับทราบข้อเสนอของฝ่ายไทยที่จะให้องค์การสะพานปลา ช่วยผู้ประกอบการไทยประสานในการทำประมงร่วมกับอินโดนีเซียอย่างถูกต้อง รวมถึงการที่ฝ่ายไทยแสดงเจตจำนงที่จะให้มีความร่วมมือระหว่างรัฐของทั้งสองประเทศที่จะช่วยกันควบคุม และกำกับดูแล ไม่ให้มีการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing)

ทั้งนี้ ในการร่วมเจรจาดังกล่าว ฝ่ายอินโดนีเซียแสดงความยินดีที่ไทยมีพระราชบัญญัติการประมงฉบับใหม่ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการบริหารจัดการการทำการประมงนอกน่านน้ำไทย อันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการต่อต้านการทำการประมงผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ได้แสดงความพอใจที่พระราชบัญญัติการประมงฯ ฉบับใหม่มีการปรับบทลงโทษสำหรับเรือประมงไทยที่ออกไปทำการประมงผิดกฎหมายในต่างประเทศ รวมถึงการกำหนดให้เรือประมงติดตั้งระบบติดตามเรือด้วยดาวเทียม (VMS)

“ผลจากการเจรจาความร่วมมือทำการประมงระหว่างไทยกับอินโดนีเชียในครั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้ฝ่ายไทยและอินโดนีเซียสามารถลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านการประมงฉบับใหม่ได้ในเร็ววัน เพื่อเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาการทำประมงร่วมที่เกิดขึ้น และเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยที่ได้รับผลกระทบอยู่ในขณะนี้” นายจุมพล กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version