นายนิพนธ์ เจริญกิจ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เค.ซี.เมททอลชีท (KCM) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2558 ว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปีนี้เพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 15-20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยบริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากงานก่อสร้างโครงการเพิ่มเป็น 20-25% รายได้จากการขายเหล็กหน้าร้านอยู่ที่ 75% จากที่ก่อนหน้านี้สัดส่วนรายได้งานก่อสร้างโครงการอยู่ที่ 6-7% รายได้จากการขายเหล็กหน้าร้านอยู่ที่ 93% เพื่อกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และผลักดันผลประกอบการให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยล่าสุด บริษัทได้เชิญอาจารย์สวัสดิ์ อ่อนทอง ผู้เชี่ยวชาญในวงการก่อสร้าง ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้รับเหมาก่อสร้างทั่วประเทศ เข้ามาร่วมทีมงาน ซึ่งคาดว่าจะช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มงานโครงการก่อสร้างได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ บริษัทยังพร้อมเข้ารับงานก่อสร้างโครงการทั้งในส่วนของภาครัฐบาล และภาคเอกชน โดยล่าสุดบริษัท ได้จับมือกับบริษัทลิสซิ่ง เพื่อขอวงเงินสินเชื่อแฟคตอริ่ง ให้กับลูกค้า ซึ่งทำให้การเข้ารับงานก่อสร้างโครงการของภาครัฐหรือภาคเอกชนมีความคล่องตัว โดยไม่ต้องรองบประมาณ
ขณะเดียวกันบริษัทยังได้จับมือกับบริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) ซึ่งในช่วงก่อนหน้านี้ PPS ได้เข้าไปลงทุนในบริษัท บิลด์ เอเชีย ซึ่งเป็นบริษัทได้พัฒนาโปรแกรมและคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย โดยมีสมาชิกกว่า 4,000 รายทั่วประเทศ โดยบริษัทได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในแอพพลิเคชั่นที่บิลด์เป็นผู้พัฒนา โดย KCM จะเข้าไปเสนอราคาขายสินค้าผ่านแอพนี้ คาดว่าจะทำให้ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะมีการเสนอขายให้กับผู้รับเหมาโดยตรง
นายนิพนธ์ กล่าวว่า ในปี 2558 บริษัทเตรียมเดินหน้าเปิดสาขาที่มีเครื่องจักรเพิ่ม 3 แห่ง ในจังหวัดภูเก็ต แพร่ และลำปาง และเตรียมขยายสำนักงานขายขนาดเล็ก 92 แห่ง ตามแผน 3 ปี (2558-2560) ในพื้นที่ภาคกลางตอนบน ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นหลัก สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ดาวกระจาย ที่เน้นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังเตรียมลงทุนในธุรกิจอาคารสำเร็จรูปให้เช่าในจังหวัดขอนแก่น ในพื้นที่ 2 แปลง ซึ่งเป็นที่ดินของบริษัท โดยในกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้มีการหารือกับสถาปนิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาคารจะมีขนาด 13 ห้อง ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมลงทุนซื้อเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิตเหล็กแปตัว “แซด" (Z) จำนวน 4 เครื่อง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการนำเข้าสินค้าได้สูงถึง 20-25%
"การเปิดสาขาที่มีเครื่องจักรเพิ่ม 3 แห่ง เพื่อเป็นการรองรับการขยายกำลังการผลิต และขยายสำนักงานขายขนาดเล็ก ตามยุทธศาสตร์ดาวกระจาย จะทำให้รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ” นายนิพนธ์กล่าว
ปัจจุบัน KCM มีสาขาอยู่ 22 แห่ง กระจายในภาคอีสานและภาคเหนือ ได้แก่ ขอนแก่น ชัยภูมิ อุดรธานี สกลนคร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ นครราชสีมา สระบุรี พิษณุโลก กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ ฯลฯ ซึ่งในจังหวัดขอนแก่นมี 4 สาขา
สำหรับแผนการขยายสาขาไปยังต่างประเทศเพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) นายนิพนธ์ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ เตรียมเปิดร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์รถถัง ที่กรุงเวียงจันทน์ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่นำเข้าสินค้าหลังคาเหล็กจากไทย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการหาพันธมิตรร่วมลงทุนและเปิดโรงงานหลังคาเหล็กในประเทศลาว และมีแผนที่จะเข้าไปลงทุนในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ด้วยเช่นกัน เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในอนาคต