บลจ. กสิกรไทย เสิร์ฟกองทุนบอนด์ 4 กองรวด ชูอัตราผลตอบแทนสูงสุด 2.65% ต่อปี แนะผู้ลงทุนล็อกผลตอบแทนตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปี หลบเสี่ยงดอกเบี้ยปรับลด

พุธ ๑๑ มีนาคม ๒๐๑๕ ๑๐:๒๙
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 - 16 มีนาคม 2558 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน ซีเอส (KFI6MCS) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.25% ต่อปี กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 3 เดือน พี (KEFI3MP) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.40% ต่อปี กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 6 เดือน เค (KEFI6MK) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.55% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี เอจี (KEFF1YAG) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.65% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

นายชัชชัยกล่าวต่อไปว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุน KEFI3MP จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี, เงินฝาก China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง, ตราสารหนี้ T.C. Ziraat Bankasi A.S., ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ Banco ABC Brasil S.A., ประเทศบราซิล นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ด้านกองทุน KEFI6MK เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี, เงินฝาก China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง, ตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ Banco ABC Brasil S.A., ประเทศบราซิล นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และด้านกองทุน KEFF1YAG เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า, เงินฝาก Bank Rakyat Indonesia (Persero) Tbk, ประเทศอินโดนีเชีย, ตราสารหนี้ Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี, ตราสารหนี้ Banco ABC Brasil S.A., ประเทศบราซิล และตราสารหนี้ Agricultural Bank of China, สาขาฮ่องกง โดยทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท

อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนทั่วไปที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียว บลจ.กสิกรไทย ขอแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน ซีเอส (KFI6MCS) ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า, เงินฝาก China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง, ตราสารหนี้ Standard Bank of South Africa, ประเทศแอฟริกาใต้ และตราสารหนี้ Agricultural Bank of China, สาขาฮ่องกง นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท

ด้านมุมมองการลงทุนในตราสารหนี้ไทย นายชัชชัยกล่าวว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยยังคงมีแนวโน้มทรงตัวถึงปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนได้คาดการณ์ถึงผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่าอาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพิ่มเติม ทั้งนี้ จากตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด ยอดการส่งออกของไทยในเดือนมกราคมปี 2558 ที่ผ่านมา หดตัวถึง 3.46% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า ขณะที่ตลาดได้คาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 1.9% ส่วนตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของไทยในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2558 ที่ผ่านมา หดตัว 0.52% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นการหดตัวแรงสุดในรอบ 5 ปี 5 เดือน อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทยประเมินว่าธนาคารแห่งประเทศไทย อาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงภายในช่วงครึ่งปีแรกนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้ ดังนั้น สำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำถึงปานกลาง ที่มุ่งเน้นรักษาเงินลงทุนให้มีความผันผวนไม่สูงมากนัก จึงอาจเน้นลงทุนในตราสารที่มีอายุปานกลางถึงยาว เนื่องจากมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่าตราสารอายุสั้นๆ หรือสามารถเลือกลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดระยะเวลา (Fixed Term) โดยเน้นลงทุนในกองทุนอายุตั้งแต่ 6 เดือน -1 ปี เพื่อล็อกอัตราผลตอบแทนไว้ก่อนล่วงหน้า

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KFI6MCS กองทุน KEFI3MP กองทุน KEFI6MK และกองทุน KEFF1YAG สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ