นายจิรวัฒน์ เกตุแสง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาดและขาย บริษัท แปซิฟิค สตาร์ ประเทศไทย จำกัด ผู้เชี่ยวชาญในด้านการจัดการสินทรัพย์ การขายและการตลาด การบริหาร การพัฒนาและที่ปรึกษาการลงทุนในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า “จากการประเมินศักยภาพการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งยังคงมีโอกาสเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอีกมาก โดยเฉพาะการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประเทศไทยยังมีอยู่ในหลายทำเล แผนลงทุนโครงการในปี 2558 บริษัทจึงยังเน้นการลงทุนบนทำเลศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจรอบกรุงเทพมหานคร และมีความต้องการแท้จริงในปริมาณสูง
โดยบริษัทพร้อมแล้วกับการเปิดตัวโครงการคอนโดมีเนียม “THE POSH Twelve” คอนโดมิเนียมไฮไรซ์ ในบรรยากาศรีสอร์ทแห่งแรกบนทำเลศักยภาพถนนติวานนท์ บนเนื้อที่กว่า 4 ไร่ มูลค่าโครงการ 4,200 ล้านบาท จำนวน 2 อาคาร แบ่งเป็นอาคาร A สูง 40 ชั้น จำนวน 552 ยูนิต อาคาร B สูง 45 ชั้น จำนวน 842 ยูนิต ตกแต่งครบพร้อมอยู่ ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการ THE POSH Twelve มีจุดเด่นในทำเลอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีกระทรวงสาธารณสุข เพียง 120 เมตร ซึ่งมีกำหนดจะเปิดบริการเป็นทางการในปี 2559 และในรัศมี 4 กิโลเมตรเชื่อมต่อถนนรัตนาธิเบศร์ อยู่ใกล้ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อาทิ บิ๊กซี ติวานนท์ เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ, เดอะมอลล์งามวงศ์วาน และเอสพลานาด รัตนาธิเบศร์ นอกจากนั้น ยังเป็นโครงการคอนโดมีเนียมที่มอบสิ่งอำนวยความสะดวกสูงสุดกว่า 43 รายการ ตอบสนองการใช้ชีวิตในบรรยากาศ รีสอร์ทจากผลงานการออกแบบของบริษัท ปาล์มเมอร์ แอนด์ เทอร์เนอร์(Palmer and Turner) อย่างเหนือความคาดหมาย
สำหรับแผนการตลาดและการส่งเสริมการขาย บริษัทเลือกสรรทีมงานมืออาชีพ โดยลงนามในสัญญาแต่งตั้งตัวแทนบริหารการขายกับ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย จำกัด และบริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด และจะทำการเปิด Public Opening ในวันที่ 21-22 มีนาคม 58 นี้”
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย จำกัด (CBRE) กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ว่า “สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 ตลาดยังมีความคึกคักอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ความต้องการที่พักอาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมได้รับความนิยมสูงสุดจากกลุ่มลูกค้าทุกระดับ กลุ่มลูกค้าชาวไทยที่มีกำลังซื้อไม่ได้มีเฉพาะแต่ย่านใจกลางเมือง แต่กระจายตัวอยู่ตามย่านสำคัญรอบนอกใจกลางเมืองด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะครอบครัวของเจ้าของธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ ลูกค้ากลุ่มนี้มีความต้องการสินค้าที่โดดเด่นในแง่ของทำเล ซึ่งตอบโจทย์ในเรื่องความสะดวกสบาย และรูปแบบของสถาปัตยกรรม การออกแบบภายใน การจัดวางพื้นที่ ประโยชน์ใช้สอย สิ่งอำนวยความสะดวก และการใส่ใจในรายละเอียดซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจซื้อ รวมถึงผู้ประกอบการณ์ที่เข้าใจสินค้าระดับบนที่ตอบโจทย์เหล่านี้ได้ ในสถานการณ์ตลาดปัจจุบัน การเลือกทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้า การพัฒนาสินค้าที่มีจุดขายชัดเจน และคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายเป็นสิ่งที่ตลาดต้องการมากที่สุด”
ด้านนายชนะ นันจันทูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โครงการ THE POSH Twelve ตั้งอยู่พื้นที่นนทบุรี-ติวานนท์ นับเป็นอีกหนึ่งทำเลทองบนฝั่งตะวันตกของกทม. ซึ่งภาครัฐได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงข่ายคมนาคม โดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ – บางใหญ่ ระยะทางกว่า 23 กิโลเมตร ซึ่งสามารถเชื่อมการเดินทางระหว่าง กทม-ฝั่งตะวันตกได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมทั้งแผนการพัฒนารถไฟฟ้าโมโนเรลเชื่อมต่อศูนย์ราชการนนทบุรีในอนาคต นอกเหนือจากนี้การรถไฟ จะพัฒนาสถานีบางซื่อให้เป็น Main Hub ซึ่งจะเป็นจุดศูนย์รวมเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมทั้งหมด รวมถึงการให้เอกชนเข้ามาประมูลเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ด้วยปัจจัยนี้ทำให้ในช่วง 3-5 ปี ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายให้ความสนใจพื้นที่บริเวณนี้เพื่อพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม เพราะผู้ประกอบการเล็งเห็นอนาคตที่จะมีโครงข่ายเชื่อมต่อไปยังจุดต่างๆได้สะดวกยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีหลายโครงการในบริเวณนี้ แต่เส้นติวานนท์มีเพียง THE POSH Twelve โครงการ High-rise Condo เพียงโครงการเดียวที่อยู่ติดถนนใหญ่ใกล้ MRT เพียง 120 เมตรเท่านั้น”
อนึ่ง กลุ่มแปซิฟิค สตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีการลงทุนใน 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน โดยในประเทศไทยมีการลงทุนพัฒนาโครงการแล้ว 2 โครงการ จำนวน 546 ยูนิต มูลค่ารวม 7,500 ล้านบาท ได้แก่ โครงการสาธรการ์เด้นส์ คอนโดมิเนียมประเภทขายกรรมสิทธิ์ตั้งอยู่บนถนนสาทรใกล้กับย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร มูลค่าโครงการ 3,210 ล้านบาท จำนวน 350 ยูนิต และโครงการเอท ทองหล่อ เรสซิเดนซ์เซส มูลค่าโครงการ 4,290 ล้านบาท จำนวน 196 ยูนิต เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบ Mixed-use ประกอบด้วยอาคารห้องชุด 34 ชั้น มีห้องพักหร เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ และศูนย์การค้า 3 ชั้น
ส่วนอีกสองโครงการพัฒนาร่วมกับบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ได้แก่ โครงการริธึ่ม รัชดา คอนโดมิเนียมอาคารแฝด 37 และ 32 ชั้น จำนวน 883 ยูนิต และโครงการดิ แอทเดรส สาทร คอนโดมิเนียม ซอยสาทร 12 จำนวน 492 ยูนิต