จากรูป (ซ้ายไปขวา): นายเดวาดาส คณะกรรมการจัดงาน Thai Indian-Fun Fair 2015 นายสุชีล กุมาร ซาราฟ ประธานหอการค้าอินเดีย-ไทย ดร.มโน เลาหวณิช หัวหน้าศูนย์ข้อมูลอินเดีย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผศ.ดร. อัจฉรา ปัณฑรานุวงศ์ ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และดร. มาลาธิ เรา ผู้อำนวยการศูนย์วัฒนธรรมอินเดีย สถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวการจัดงานมหกรรมแห่งความสนุก ไทย-อินเดีย 2558 (The Thai-Indian Fun Fair 2015) ในวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2558 เวลา 15.00 – 21.00 น. ณ สนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
ประเทศไทยและประเทศอินเดียมีความสัมพันธ์ทางด้านอารยธรรมที่แน่นแฟ้น และให้ความสำคัญในด้านการเป็นพันธมิตรทางภูมิภาคที่เชื่อมระหว่างเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การจัดงานมหกรรมแห่งความสนุก ไทย-อินเดีย 2558 (The Thai-Indian Fun Fair 2015) มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างมิตรภาพที่แข็งแกร่งและ เฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศ
งานมหกรรมแห่งความสนุกไทย-อินเดีย 2558 จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2558 เวลา 15.00 – 21.00 น. ณ สนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยคาดว่าจะมีผู้ร่วมงาน รวมทั้งนักเรียนนักศึกษาที่สนใจกว่า 5,000 คน การจัดงานครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากความสำเร็จในการจัดงานมหกรรมแห่งความสนุก ไทย-อินเดีย ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2557 ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ซึ่งดึงดูดให้ผู้คนทั้งชาวไทยและชาวอินเดียมาร่วมงานอย่างคับคั่ง และได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งในด้านการแสดงระบำอินเดีย ดนตรี งานฝีมือ อาหาร และการแสดงแฟชั่นโชว์ โดยสมาคมชาวอินเดียในไทยได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในด้านการแสดงทางวัฒนธรรมอีกด้วย ซึ่งสมาคมชาวอินเดียในไทยจึงมีเจตนารมณ์ที่จะจัดงานมหกรรมนี้เป็นงานเทศกาลประจำปีต่อเนื่องไป
สำหรับงานมหกรรมแห่งความสนุกไทย-อินเดีย 2558 เป็นความร่วมมือของสถานทูตอินเดียประจำประเทศไทย สภาหอการค้าไทย-อินเดีย สมาคมการค้าเพชรและพลอยอินเดีย-ไทย สมาคมศิษย์เก่า ITT สโมสรสตรีอินเดีย สมาคม VHP แห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วยสมาคมอีกกว่า 50 สมาคมของชาวอินเดียในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาสัมพันธไมตรี มิตรภาพ ความสงบสุข และความเข้าใจร่วมกันระหว่างสังคมไทยและอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนรุ่นใหม่ของสังคม
นายชุซิล กุมาร ผู้ประสานสมาคมชาวอินเดียในไทย กล่าวว่า “เรามีความยินดีและภาคภูมิใจในการจัดงานครั้งนี้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แนบแน่นทั้งในด้านมิตรภาพและความสัมพันธ์แบบทวิภาคี ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นับเป็นพันธมิตรที่สำคัญ ทั้งในการเป็นเจ้าของสถานที่จัดงานที่ดีเยี่ยมในครั้งนี้ และ การให้ความสำคัญในการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับอินเดีย โดยการก่อตั้งศูนย์อินเดียศึกษา ศูนย์ข้อมูลอินเดีย และหลักสูตรอินเดียศึกษา ที่ได้รับการยอมรับจากนักศึกษานานาชาติ”
ผศ.ดร. อัจฉรา ปัณฑรานุวงศ์ ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า “มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ โดยวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ศูนย์อินเดียศึกษา และศูนย์ข้อมูลอินเดียศึกษา มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการจัดเทศกาลแห่งความสนุกไทย – อินเดีย ครั้งที่ 2 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีนโยบายส่งเสริมด้านการศึกษาและการเรียนรู้เกี่ยวกับอินเดียมาอย่างต่อเนื่องเพื่อการผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับอินเดีย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวัฒนธรรม สำหรับการจัดงานเทศกาลแห่งความสนุกไทย – อินเดีย ครั้งที่ 2 นี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญ เพื่อการพัฒนาองค์ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรม ประเพณี การละเล่น ระหว่างไทยและอินเดีย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า งานมหกรรมแห่งความสนุกไทย – อินเดีย ครั้งนี้ จะเป็นช่องทางหนึ่งในการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างทั้งสองประเทศ”
ภายในงานมหกรรมแห่งความสนุกไทย-อินเดีย 2558 ประกอบด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ ซุ้มอาหารและเครื่องดื่มอินเดีย การละเล่นของอินเดียสำหรับเด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่ การจัดจำหน่ายของที่ระลึก การแสดงมายากล การแสดงแฟชั่นโชว์ การสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวอินเดีย และของรางวัลมากมาย ตลอดจนการแสดงวัฒนธรรมอันงดงาม รวมทั้งการแสดงราจัสสถาน โจส ซึ่งเป็นการละเล่นพื้นบ้านของชาวราจัสสถานในอินเดีย
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ส่งเสริมการเรียนรู้ทางด้านวัฒนธรรมนานาชาติ และการสร้างความเข้าใจกับประเทศอื่น ๆ โดยประเทศอินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โดยได้ก่อตั้งศูนย์อินเดียศึกษา ซึ่งเป็นศูนย์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของมหาวิทยาลัย และมีการดำเนินการกว่า 20 ปี เพื่อการค้นคว้าหาความรู้ทางวิชาการและการเรียนรู้เกี่ยวกับประเทศอินเดีย ทั้งในด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ การเมือง ปรัชญา และวรรณกรรม นอกจากนี้ ศูนย์อินเดียศึกษายังเป็นแหล่งกระจายความรู้ ความเข้าใจระหว่างประเทศไทยและประเทศอินเดีย ด้วยเหตุนี้ วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ จึงให้ความสำคัญและได้เปิดหลักสูตรศิลปศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาอินเดียศึกษาขึ้นเป็นที่แรกในประเทศไทย