ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวสำหรับหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิชุดใหม่ของ SF จำนวนเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2559 ที่ ‘BBB(tha)’ เงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นี้จะนำไปใช้ชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอน หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทฯ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวมีสถานะเท่าเทียมกับหนี้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัทฯ
ปัจจัยที่มีผลต่ออันอับเครดิต
อัตราส่วนหนี้สินที่สูง: ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของ SF ซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (Adjusted Net Debt to EBITDAR) จะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 5.5 เท่าถึง 6.5 เท่าในปี 2557 ถึง 2558 จากการที่บริษัทฯ ได้ยกเลิกแผนการเพิ่มทุนจำนวน 600 ล้านบาทถึง 1 พันล้านบาท ในครึ่งหลังของปี 2556 การยกเลิกดังกล่าวเป็นผลเนื่องจากสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย รวมถึงการเลื่อนแผนการลงทุนสำหรับโครงการร่วมทุนเป็นผลให้แผนการลงทุนน่าจะลดลง 500 ล้านบาทถึง 550 ล้านบาทในปี 2557
อัตราการเติบโตของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการที่สูงขึ้น: SF น่าจะมีอัตราการเติบโตของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการประมาณร้อยละ 1 ในปี 2557 และร้อยละ 8 ในปี 2558 SF สามารถหาผู้เช่าหลักรายใหม่มาทดแทนผู้เช่าหลักรายเดิมที่ได้ยกเลิกสัญญาไปในศูนย์การค้าหลักๆ ของ SF ได้แก่ The Esplanade และ The Avenue Pattaya ในปี 2557 รายได้ที่จะได้รับจากผู้เช่ารายใหม่น่าจะช่วยชดเชยรายได้ที่ลดลงในบางศูนย์การค้าที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบทางการเมืองในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 นอกจากนี้ SF มีแผนที่จะเปิดศูนย์การค้าใหม่จำนวน 4 แห่งในปี 2558 (โดยส่วนใหญ่เป็นการขยายศูนย์เดิม) โดยมีพื้นที่ให้เช่ารวมเพิ่มขึ้นประมาณ 26,000 ตารางเมตร
สถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง: SF เป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าขนาดกลางภายใต้แนวความคิดศูนย์การค้าชุมชน นอกจากนี้ด้วยจำนวนของโครงการศูนย์การค้าภายใต้การบริหารที่มีมาก ประกอบกับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่มีมายาวนาน ทำให้ SF มีข้อได้เปรียบเหนือกว่าคู่แข่งขันในธุรกิจเดียวกัน โดยคุณภาพของโครงการศูนย์การค้าภายใต้การบริหารของ SF จัดว่าอยู่ในระดับสูงและมีการกระจายตัวในด้านทำเลที่ตั้ง SF สามารถรักษาอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย (Average Occupancy Rate) ให้อยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 90 ของพื้นที่ให้เช่าทั้งหมดตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการศูนย์แรกในปี 2538 แม้ว่าบางศูนย์การค้าจะยังคงประสบปัญหาเกี่ยวกับผู้เช่าและปริมาณสัญจรของลูกค้าที่ต่ำในช่วงปี 2555-2556 ก็ตาม ฟิทช์คาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยของ SF น่าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 95 ในช่วงปี 2557-2558 (ในปี 2556 อัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 92)
กระแสเงินสดรับที่แน่นอนจากสัญญาเช่าระยะยาว: SF มีสัญญาเช่าระยะยาวครอบคลุมพื้นที่ให้เช่าประมาณร้อยละ 65 ของพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด โดยรายได้จากสัญญาเช่าระยะยาวคิดเป็นประมาณร้อยละ 30 ถึงร้อยละ 35 ของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการทั้งหมด โดยฐานผู้เช่าหลักของ SF ประกอบด้วยผู้เช่าที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดีในตลาดและมีความหลากหลาย ผู้เช่ารายใหญ่ที่สุด 5 รายแรก ครอบคลุมพื้นที่ให้เช่าประมาณร้อยละ 40 ของพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด โดยผู้เช่ารายใหญ่ที่สุดซึ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน มีพื้นที่เช่าคิดเป็นร้อยละ 15 ของพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด นอกจากนี้โครงการเมกาบางนา ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนขนาดใหญ่โครงการแรกของบริษัทฯ ก็เริ่มมีการจ่ายเงินปันผลให้แก่บริษัทฯ ตั้งแต่ปี 2556 โดยในช่วงต้นปี 2557 SF ได้รับเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2556 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการดำเนินงานเต็มปีของโครงการเมกาบางนา ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 20 ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่าของ SF ในปี 2556
การหาเงินกู้ใหม่เพื่อชำระคืนเงินกู้เดิม: SF มีหนี้สินจำนวน 540 ล้านบาทซึ่งรวมถึงหุ้นกู้จำนวน 500 ล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระภายใน 12 เดือนข้างหน้านับจากสิ้นเดือนมีนาคม 2557 โดย SF มีแผนจะชำระคืนหนี้สินดังกล่าวโดยการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ นอกจากนี้ สภาพคล่องของ SF ได้รับการสนับสนุนจากเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นรวม 64.4 ล้านบาทและวงเงินกู้จากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกถอนจำนวน 867 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยลบ:
- รายได้ค่าเช่าและค่าบริการที่ลดลง ซึ่งทำให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานในส่วนของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ต่อดอกเบี้ยจ่าย อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 3.0 เท่าอย่างต่อเนื่อง (อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 3.7 เท่า ณ สิ้นเดือน มีนาคม 2557)
- อัตราส่วนหนี้สิน ซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า ที่สูงกว่า 6.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง (อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 6.5 เท่า ณ สิ้นเดือน มีนาคม 2557)
ปัจจัยบวก:
- รายได้ค่าเช่าและค่าบริการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานในส่วนของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ต่อดอกเบี้ยจ่าย อยู่ในระดับที่สูงกว่า 4.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง
- อัตราส่วนหนี้สิน ซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า ที่ต่ำกว่า 4.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง ต่อเนื่อง
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากบริษัทฯ ยังมีอัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับสูง