นายภิญโญ พานิชเกษม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วาย.เอส.เอส. (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายโช้คอัพจักรยานยนต์ และรถยนต์ที่ครองแชมป์มาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แบรนด์ “วายเอสเอส” และ “วายเอสเอส ออโต้” เปิดเผยว่า ผลประกอบการปีที่แล้ว วายเอสเอสกินส่วนแบ่งตลาดโช้คอัพ 60 % ของมูลค่าตลาดโดยรวมประมาณ 500 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว 10 % และในปีนี้ยังคงตั้งเป้าการเติบโตในอัตราเดียวกัน โดยเฉพาะตลาดรถมอเตอร์ไซค์มีทิศทางเติบโตเป็นกราฟขาขึ้น ทำให้มีการวางแผนงานเพื่อสอดรับการขยายตลาดในส่วนนี้ และหนึ่งในนั้น คือ การเปิดตัวทีมแข่งรถภายใต้สังกัด YSS TS Racing Team โดยมีนายอนุชา นาคเจริญศรี เจ้าของแชมป์ซุปเปอร์ไบค์ ประเทศไทย 2 สมัย และได้สิทธิ์ที่จะลงแข่งขันในรายการระดับโลก World Super Bike สนามที่ 2 ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ในระหว่างวันที่ 21 – 22 มีนาคมนี้
“ในฐานะผู้นำตลาดโช้คอัพรถมอเตอร์ไซค์ และรถยนต์ในไทย การเปิดตัวสนับสนุนทีมแข่งรถภายใต้สังกัด YSS TS Racing Team โดยดึงฮีโร่ 2 สมัย คือ คุณอนุชา นาคเจริญศรี เจ้าของแชมป์ซุปเปอร์ไบค์ ประเทศไทยถึง 2 สมัย และได้สิทธิ์ที่จะลงแข่งสนามระดับโลกเร็วๆ นี้ นับเป็นบทพิสูจน์ศักยภาพสินค้าของคนไทย และความภาคภูมิใจอย่างมากของเราในเวทีการแข่งขันระดับโลก” นายภิญโญกล่าว
โดยในงานนี้ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะทำตลาดในปีนี้ ประกอบด้วย โชคอัพตัวใหม่ภายใต้รหัส 456 สำหรับรถ Big bike โดยเฉพาะ จุดเด่น คือ มีน้ำหนักเบากว่ารุ่นเดิมถึง 20 % ซึ่งจะได้พิสูจน์สมรรถนะในการแข่งขัน World Super Bike โดยการติดตั้งให้กับรถแข่งใน YSS TS racing Team ในครั้งนี้อีกด้วย
? โช้คหน้า (Front Fork) เทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่รายแรกของโลก ที่สามารถปรับช่วงยุบแบบ Hi – Low Speed ได้ พร้อมประสานการทำงานกับระบบ Close cartridge gas fork ที่สามารถปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้
? กันสะบัด (Steering Damper) จุดเด่น น้ำหนักเบา สามารถควบคุมการขับขี่ได้เป็นอย่างดี
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดในปีนี้ เน้นการทำ Below the line โดยเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรง ทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด ในลักษณะการอบรมให้ความรู้ หรือแนะนำเทคนิคต่างๆในการใช้โช้คอัพ ทั้งนี้เพื่อมุ่งเจาะขยายฐานกลุ่มลูกค้าระดับตลาดระดับกลาง-บนให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการสอดรับทิศทางการเติบโตของกลุ่มลูกค้าประเภทบิ๊กไบค์และกลุ่มตลาดเพอร์ฟอร์มานส์ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
ส่วนแผนการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิต โดยการสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ย่านเทพารักษ์ มูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท บนพื้นที่ 4.5 ไร่ในบริเวณตรงข้ามโรงงานแห่งแรก โดยโรงงานแห่งใหม่จะผลิตชิ้นส่วนใหม่ สปริง กันสะบัด และโช้ครถยนต์ เพื่อตลาดส่งออก โดยจะเริ่มก่อสร้างประมาณเดือนเมษายน และคาดว่าจะแล้วเสร็จและเดินเครื่องผลิตได้ในต้นปีหน้า