พิธีสมโภชและนมัสการพระบรมสารรีริกธาตุ ณ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตลอดเทศกาลมาฆบูชา ที่ผ่านมา ณ เมืองกุสินารา ดินแดนปรินิพพานขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในประเทศอินเดีย โดยมีพุทธศาสนิกชนชาวไทยและคณะสงฆ์ไทยเดินทางมาจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อเข้าร่วมงานนี้นับพันคน ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาธินัดดามาตุ ได้พระราชทานเครื่องราชสักการะเข้าร่วมในพิธีสมโภชฯ พร้อมด้วยรักษาการสมเด็จพระสังฆราชได้ประทานเครื่องสักการะเข้าร่วมในพิธีนี้เช่นเดียวกัน
สำหรับพิธีสมโภชฯ ในครั้งนี้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเปิดโอกาสในพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกมุมโลกได้ร่วมกันสมโภชและนมัสการพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดไทยกุสินารา โดยมีพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ขึ้นประดิษฐานบนบุษบก และจัดทำขบวนอัญเชิญเคลื่อนไปทั่วเมืองกุสินารา โดยขบวนได้ร่วมอัญเชิญเครื่องราชสักการะของทุกพระองค์ด้วย
เมื่อขบวนอัญเชิญได้เคลื่อนไปถึงสารวโนทยาน ซึ่งเป็นสถานที่ดับขันธปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว พระเทพโพธิวิเทศ หัวหน้าพระธรรมฑูตสายประเทศอินเดีย - เนปาล ได้อัญเชิญน้ำสรงจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายเถราภิเษกพระบาทในสถูปมหาปรินิพพาน (คือการอัญเชิญน้ำสรงของพระองค์รดลงบนพระบาทของพระพุทธรูปปางปรินิพพาน) จากนั้นขบวนได้เคลื่อนไปยังมกุฎพันธนเจดีย์ ซึ่งเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งพุทธกาล เพื่อประกอบพิธีอัญเชิญ เครื่องราชสักการะของทุกพระองค์ร่วมในพิธี โดยมีชาวพุทธที่เดินทางมาจากทั่วทุกมุมโลกเข้าร่วมในขบวนสมโภชนี้อย่างยิ่งใหญ่และได้รับความสนใจจากชาวกุสินาราเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ในวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์นี้ ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อปี พ.ศ. 2544 ซึ่งนับเป็นการพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้รับพระราชทานมาจากรัฐบาลอินเดีย พระบรมสารีริกธาตุนั้นถือกำเนิดมาจากเมืองกุสินารา เมื่อครั้งมีการถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งพุทธกาล พระบรมสารีริกธาตุของพระองค์ได้แบ่งไปกับมัลละกษัตริย์ต่างๆ ของอินเดียในสมัยนั้น และตกทอดผ่านราชวงศ์ต่างๆ จนมาถึงราชวงศ์จักรีของไทย การพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้กลับมาประดิษฐานในดินแดนปรินิพพาน ณ ประเทศอินเดีย จึงมีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนาและความสัมพันธ์ไทย - อินเดีย เป็นอย่างยิ่ง
สำหรับการจัดงานสมโภชในครั้งนี้ ได้จัดกิจกรรมอื่นๆ ประกอบกันตลอดทั้ง 7 วัน โดยมีการดึงประเพณีและศิลปวัฒนธรรมอินเดียมาร่วมแสดงออกในงานนี้ ทั้งการนำนาฎศิลป์อินเดียมาประกอบในพิธีบวงสรวง การจัดการแข่งขันมวยปลำ้มัลลยุทธ เพื่อเป็นการรำลึกถึงนักมวยปลำ้จากแคว้นมัลละซึ่งเป็นผู้อัญเชิญพระสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อครั้งพุทธกาล พร้อมทั้งยังมีการเปิดบริการรักษาพยาบาลฟรีให้กับคนอินเดียตลอด 3 วันในส่วนของกุสินาราคลินิค ซึ่งเป็นสถานพยาบาลของวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ที่เปิดให้บริการแก่ผู้ยากไร้ชาวอินเดียในราคาถูกมานานนับสิบปีและมีแพทย์และพยาบาลจากกรมการแพทย์ของไทยเดินทางมาให้การรักษานักบวชและคณะผู้ปฎิบัติธรรมจากเมืองไทยด้วย