นางสาวสุภรณ์ เด่นไพศาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานการตลาด บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด เปิดเผยว่า “เอสเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักของกลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ไทยดริ้งค์ให้ความสำคัญอย่างมาก เราได้ทำการศึกษาวิจัยตลาดน้ำอัดลมอย่างใกล้ชิด และพบว่าเอสเป็นแบรนด์น้ำอัดลมที่มีศักยภาพสูง มีการรับรู้แบรนด์จากผู้บริโภคอย่างกว้างขวางครอบคลุมทั่วประเทศถึง 98% โดยปัจจุบันมีมาร์เก็ตแชร์ 12.1% ในตลาดน้ำอัดลมโดยรวมซึ่งมีมูลค่า 47,000 ล้านบาท และมีการเติบโตของตลาดอยู่ที่ 4-5% ซึ่งนับเป็นการออกสตาร์ทที่ดีในสองปีแรก สำหรับภารกิจในการผลักดันแบรนด์เอสในปีนี้ เราจึงมุ่งใช้กลยุทธ์ในการขยายฐานแฟนประจำของเอสตลอดจนลูกค้าใหม่ให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ด้วยการดำเนินแคมเปญสื่อสารการตลาดและการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเต็มสูบตลอดทั้งปี โดยเน้นเรื่องรสชาติที่อร่อย ซ่าส์ ยิ่งขึ้น”
“เราได้จัดสรรงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท เพื่อเดินหน้ากลยุทธ์สร้างประสบการณ์ท้าลองเหล่าวัยรุ่นเจนเอสด้วยการจัดกิจกรรมทางการตลาดสนับสนุนแคมเปญฯ อย่างเต็มรูปแบบ ประกอบด้วย 1) พรีเซนเตอร์ใหม่ ดึงพระเอก 300 ล้านมาดกวน “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” ตัวแทนของคนรุ่นใหม่เจนเอสที่มีดีเอ็นเอความเป็นตัวของตัวเองไม่ซ้ำใคร เป็นแม่เหล็กนำทีมท้าลองเอส 2) กิจกรรมท้าลองเอสใหม่ ด้วยการเดินสายท้าลองความอร่อยสดชื่นสุดขั้วของเอสที่มาพร้อมแพ็คเกจใหม่ขวดสีน้ำเงินสะท้อนแสง กับเหล่าวัยรุ่น 25 ล้านคน
ทั่วประเทศ 3) ภาพยนตร์โฆษณาใหม่ ที่มีชื่อว่า “ท้าลอง” ซึ่งกำลังออกอากาศอยู่ในขณะนี้ เพื่อสื่อสารคอนเซ็ปท์ “ไม่ลองก็ไม่ใหม่” ไปยังผู้บริโภคเป้าหมายในทุกช่องทาง พร้อมทั้งสื่อดิจิตอล และสื่อโฆษณาการกลางแจ้งตลอดซัมเมอร์นี้”
แคมเปญ “เอส ชาเลนจ์ ไม่ลองก็ไม่ใหม่” ประเดิมภารกิจท้าลองเอสครั้งแรกที่ตลาดนัดสวนจตุจักรเมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมี ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ พรีเซนเตอร์ใหม่ มาเป็นหัวหน้าทีมขี่รถมอเตอร์ไซด์ออกมากับเดอะแก๊งค์แจกเครื่องดื่มเอสกว่า 1 แสนขวด เพื่อท้าเหล่าวัยเจนเอสกว่า 1 แสนคนลองเครื่องดื่มเอสใหม่ที่มาพร้อมแพ็คเกจจิ้งใหม่ขวดสีฟ้าสะท้อนแสง พร้อมรสชาติอร่อย ซ่าส์ โดนใจ ไปทั่วสวนจตุจักร
นางสาวสุภรณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “เรามั่นใจว่าแคมเปญการตลาดไม่ลองก็ไม่ใหม่ครั้งนี้จะผลักดันให้ “เอส” เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์ความอร่อยสดชื่นให้กับผู้บริโภคในช่วงหน้าร้อนนี้ ไปพร้อม ๆ กับการขยายฐานแฟนประจำจนสามารถผลักดันยอดขายโตขาย 6 พันล้านบาทภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน”