จากข้อมูลสถิติเกี่ยวกับรายจ่ายอันเกิดจากอาชญากรรมไซเบอร์ที่เผยแพร่โดยสถาบันอินโฟเซค (InfoSec Institute) เมื่อปีที่แล้ว ระบุว่ารายจ่ายโดยเฉลี่ยต่อปีอันเกี่ยวเนื่องกับอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ถึง 26% หรือคิดเป็นมูลค่า 11.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีจำนวนตั้งแต่ 1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึง 58 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อองค์กร นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังชี้ให้เห็นด้วยว่าการกู้คืนระบบและการตรวจจับภัยคุกคามถือเป็นกิจกรรมภายในองค์กรที่มีค่าใช้จ่ายสูงที่สุด และจากข้อมูลผลการสำรวจ ทั่วโลกประจำปีของเอิร์ส์ทแอนด์ยัง พบว่ามีบริษัทมากกว่า 37% ไม่มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านอาชญากรรมไซเบอร์ในลักษณะเรียลไทม์ อีกทั้งยังขาดความคล่องตัวอย่างมากในการจัดการกับความเสี่ยงดังกล่าว นอกจากนี้ยังขาดงบประมาณและทักษะสำหรับใช้ในการรับมือกับอาชญากรรมไซเบอร์ที่กำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นด้วย
นายพาร์วินเดอร์ วา-เลีย ผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก บริษัท อีเซ็ต กล่าวว่า ปัจจุบันอาชญากรรมทางไซเบอร์กำลังส่งผลกระทบต่อองค์กรธุรกิจทั่วโลกนับล้านแห่ง จะเห็นได้ว่าภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสูงที่สุดในโลก ต้องเผชิญหน้ากับการถูกโจมตีทาง ไซเบอร์นับครั้งไม่ถ้วน โดยการโจมตีจะมีเป้าหมายเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง สิ่งนี้ถือเป็นการคุกคามต่อทรัพย์สินทางปัญญา และสินทรัพย์ทางการค้าที่สำคัญของธุรกิจ และผลกระทบด้านชื่อเสียงและความไว้วางใจของลูกค้า ด้วยเหตุนี้ การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงกลายเป็นประเด็นที่พูดถึงกันในกลุ่มผู้บริหารและกลายเป็นวาระสำคัญยิ่งสำหรับองค์กรธุรกิจทุกระดับ
นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้งานอย่างแพร่หลายครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงความนิยมของ บีวายโอดี หรือ Bring-Your-Own-Device (BYOD: การนำอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้ในองค์กร) ได้เพิ่มความยุ่งยากซับซ้อนอย่างมากให้กับงานของผู้บริหารฝ่ายสารสนเทศ(ซีไอโอ) ในด้านการรักษาความปลอดภัยให้กับเครือข่ายองค์กรเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์
นายพาร์วินเดอร์ กล่าวต่อว่า อีเซ็ตจึงได้สร้างโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยด้านไอทีสำหรับองค์กรธุรกิจ ที่ให้การป้องกันสูงสุดในรูปแบบเชิงรุกโดยที่ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อโครงสร้างพื้นฐานไอทีขององค์กร โดยมาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่ที่ครบครัน เช่น การป้องกันบ็อตเน็ต (Botnet Protection) ตัวบล็อกช่องโหว่ (Exploit Blocker) การป้องกันฟิชชิ่ง (Anti-Phishing) และ การป้องกันการโจรกรรม (Anti-Theft) สามารถรองรับระบบปฏิบัติการได้หลายแพล็ตฟอร์ม เช่น แมค วินโดวส์ แอนด์ดรอย และลีนุกซ์ อีกทั้งยังสามารถให้การปกป้องและรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์กรในทุกขนาดทั้งเอสเอ็มอีจนถึงขนาดเอ็นเตอร์ไพร์สได้อย่างครอบคลุม
“องค์กรธุรกิจทั้งขนาดเล็กและใหญ่ต่างต้องการโซลูชั่นที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพและสามารถให้การปกป้องได้ในระดับสูงสุด ผลิตภัณฑ์เวอร์ชั่นใหม่สำหรับองค์กรของอีเซ็ตสามารถรองรับการใช้งานบนเครือข่ายได้ทั้งในรูปแบบธรรมดาและซับซ้อน นอกจากนี้ยังมีสำนักงานสาขามากมาย ทั้งในระดับประเทศ และทั่วโลกที่พร้อมรองรับการให้บริการในหลายภาษา จึงมั่นใจได้ถึงความมีประสิทธิภาพในระดับสูงสุด”
นายพาร์วินเดอร์ กล่าวว่าอีกว่า “การสร้างผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยระดับโลกไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับเรา เพราะเราดำเนินการสิ่งนี้มาเป็นเวลากว่ายี่สิบปีแล้ว ด้วยเทคโนโลยี อีเซ็ต น๊อด32 (ESET NOD32) ที่มีขีดความสามารถในด้านการตรวจจับมัลแวร์ที่เหนือกว่าผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยสำหรับระบบไอทีรายอื่นๆ ซึ่งยืนยันได้จากรางวัล VB100 ที่บริษัทได้รับติดต่อกันถึง 87 ครั้งสำหรับการตรวจจับภัยคุกคาม ‘ในโลกแห่งความเป็นจริง’ (in-the-wild) ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ ของอีเซ็ต สามารถทำลายสถิติการทดสอบของ VB100 อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 11 ปี”
สำหรับเป้าหมายของอีเซ็ตในประเทศไทย นายพาร์วินเดอร์ กล่าวว่า “ อีเซ็ตมีเป้าหมายขึ้นเป็นผู้นำในตลาดรักษาความปลอดภัยในประเทศไทย โดยปัจจุบันอีเซ็ตมีส่วนแบ่งการตลาด 6.5 % อยู่ในอันดับ 4 ของตลาด ทั้งนี้ตลาดระบบรักษาความปลอดภัยในประเทศไทยมีมูลค่า 800 กว่าล้านบาทในปี 2558”
ด้านนายศุภชัย รุ่งธีรวัฒนานนท์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท แอ็กทีฟมีเดีย (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรายเดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับหัวใจสำคัญของโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยด้านไอทีสำหรับองค์กรธุรกิจของ อีเซ็ต อยู่ที่ อีเซ็ต รีโมท แอดมินิสเตรเตอร์ (Remote Administrator) โฉมใหม่ ที่ถูกออกแบบหน้าจอการใช้งานขึ้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นคอนโซลควบคุมการบริหารจัดการจากระยะไกลที่ไม่ขึ้นต่อแพลตฟอร์มใดๆ อีกทั้งยังถูกสร้างขึ้นมาใหม่โดยมุ่งเน้นในการเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้งานและยกระดับขีดความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัย รวมถึงประหยัดค่าใช้จ่ายโดยรวมเพื่อการปรับใช้และการบริหารจัดการ นอกจากนี้ยังจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบการบริหารจัดการงานที่มีอยู่ช่วยแก้ปัญหาการหยุดทำงานของระบบ และยังรองรับการดำเนินงานอัตโนมัติในด้านการบริหารจัดการกลุ่มเครื่องลูกข่ายได้อย่างคล่องตัว และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
แอ็กทีฟมีเดีย จะจัดจำหน่ายโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยด้านไอทีสำหรับองค์กรธุรกิจของอีเซ็ตผ่านเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย โดยมุ่งกลุ่มลูกค้าไปยังหน่วยงานภาครัฐ ภาคการศึกษา และกลุ่มองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ทั้งยังมีการทำซีเอสอาร์ในภาคการศึกษาทุกระดับ โดยจับมือกับพันธมิตรใหม่ๆ อีกหลายราย พร้อมเน้นในเรื่องการให้บริการหลังการขายหลากหลายช่องทาง เช่น คอลเซ็นเตอร์ อีเมล์ และการแก้ไขปัญหาระยะไกลด้วยรีโมทแอ็กเซส ภายใต้สโลแกน รอยยิ้มของคุณ คือคำสัญญาของเรา ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของแอ็กทีฟมีเดีย และคาดว่าปีนี้จะมียอดขายเติบโตประมาณ 20%
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติใหม่และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยรุ่นใหม่ของ อีเซ็ต ซึ่งขณะนี้พร้อมวางจำหน่ายแล้วทั่วโลก และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่สำหรับองค์กร โปรดเข้าไปที่เพจ Next Generation ที่เว็บไซต์ www.eset.co.th