ตามที่มีกลุ่มบุคคลนำโดย นายดิษเดช หิรัญจิรคุณ และ น.ส. ประทุม เรืองสุด อ้างว่า เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยของบมจ. เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป และได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ได้ไปยื่นเรื่องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้ตรวจสอบการซื้อขายหุ้นเนชั่นเป็นกรณีพิเศษ และเดินทางมายังบริษัทเนชั่น เพื่อสนับสนุนนายสุทธิชัยให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชนและบริหารเนชั่นต่อไป และไม่ยอมรับนายเสริมสิน สมะลาภา ที่ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหารบริษัทนั้น จากการตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทในเครือเนชั่นทั้ง 3 บริษัทย้อนหลังจนถึงปัจจุบัน ไม่ปรากฎชื่อของ นายดิษเดช หิรัญจิรคุณ และ น.ส. ประทุม เรืองสุด แต่อย่างใด ซึ่งในภายหลังนายดิษเดชก็ยอมรับว่า ตนไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นเนชั่นฯ แต่อย่างใด
จากกรณีนี้ นางสาวดวงกมล โชตะนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป กล่าวว่า ไม่มั่นใจในเจตนารมณ์ของกลุ่มดังกล่าวว่ามีเป้าหมายใด อีกทั้งในขณะนี้ มีความเคลื่อนไหวจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ SLC หรือ NEWS ต่อเครือเนชั่นในลักษณะต่างๆ เช่น การฟ้องร้องผู้บริหารบริษัท การปล่อยข่าวเพื่อสร้างความแตกแยกของผู้บริหารเนชั่น จึงทำให้มีข้อสงสัยว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างความแตกแยกในผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นใหญ่เนชั่น เพื่อช่วงชิงเสียงข้างมาก
น.ส. ดวงกมล กล่าวต่อว่า ฝ่ายบริหารเนชั่นยังคงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทั้งนายสุทธิชัย และนายเสริมสิน รวมทั้งการดำเนินการต่างๆ ของบริษัท ล้วนอยู่ในกรอบกฎหมายทุกประการ กรณีที่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นกับผู้ถือหุ้นรายย่อยที่แท้จริง ทางบริษัทฯ ก็พร้อมปกป้องสิทธิให้
“เราไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของกลุ่มดังกล่าว แต่พิจารณาแล้ว อาจเป็นไปได้ที่มีการต้องการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในกลุ่มผู้บริหาร” น.ส. ดวงกมล กล่าว
ทางด้านผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ได้ติดต่อไปยังผู้บริหารของบริษัท NEWS หรือ SLC เพื่อสอบถามเกี่ยวกับกลุ่มม็อบ ก็ได้รับคำปฏิเสธว่า ไม่รู้จักคนกลุ่มนี้
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มผู้ที่อ้างตัวเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย NMG ซึ่งเดินทางมาที่บริษัทเนชั่น เมื่อวานนี้ กว่า 10 คนมีรายชื่อเป็นผู้ที่ได้รับสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงในบริษัท SLC WAT GEL และหลักทรัพย์อื่นๆ ที่เกี่ยวโยงกับกลุ่ม SLC โดยเฉพาะ นายศิร์วสิษฏ์ สายน้ำผึ้ง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น NMG ในสัดส่วน 9.14 % นั้น ได้รายงานการเข้าซื้อหุ้น NMG วันเดียวกับ WAT
ทั้งนี้ทางเนชั่นฯ มีข้อสังเกตต่อความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่อ้างตนว่า เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย NMG ดังนี้ การที่แกนนำความเคลื่อนไหวและระบุว่า ตนเองเป็นผู้ลงทุนที่สูญเสียผลประโยชน์แต่ไม่ปรากฏเป็นผู้ถือหุ้น NMG ณ วันที่ตรวจสอบได้ หรือบางรายเพิ่งเข้าซื้อหุ้นในวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา จึงมีมูลเหตุให้สงสัยในเจตนาของการเคลื่อนไหวของบุคคลกลุ่มดังกล่าว
นอกจากนี้ จากเหตุการณ์ตลอดสัปดาห์ พบว่า มีความเคลื่อนไหวอย่างเป็นกระบวนการของกลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการเข้าครอบงำกิจการของ NMG ตั้งแต่การให้ข้อมูลเชิงวิเคราะห์อย่างบิดเบือน เพื่อทำให้สังคมเชื่อว่า นายสุทธิชัย หยุ่น เสียหายจากกรณีที่นายเสริมสิน สมะลาภา ซื้อขายหุ้น NMG และพยายามสื่อความว่า การตัดสินใจเลือกนายเสริมสินนั่งเป็นประธานกรรมการบริหาร เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของนายสุทธิชัย ถือเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลดังกล่าว จึงอนุมานได้ว่า เป็นส่วนหนึ่งในเกมการสร้างความแตกแยก เพื่อหวังช่วงชิงเสียงข้างมาก ในการประชุมผู้ถือหุ้น NMG ที่จะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน นี้