นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์ เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน)(ECF) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ลงนามสัญญาเป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์การ์ตูนจาก Disney เพื่อใช้ผลิตและจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการออกจำหน่ายสินค้าล็อตแรก เพื่อวางจำหน่ายในร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern trade) เริ่มที่เทสโก้โลตัส ทั้งนี้หากภายหลังแนวโน้มความต้องการสินค้าดังกล่าวเติบโตอย่างเห็นได้ชัด บริษัทจะเริ่มขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังกลุ่ม Modern trade ให้มากขึ้น รวมถึงตั้งเป้าเปิดร้านค้าปลีกเพื่อจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ลาย Disney ที่ผลิตโดยบริษัท โดยตั้งเป้าหมาย 10 สาขา แรก ภายในระยะเวลา 2 ปี เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงกลุ่มวัยรุ่นและวัยเริ่มต้นทำงาน ดังนั้นจึงเชื่อว่าหากสามารถนำสินค้าวางจำหน่ายได้ในช่องทางดังกล่าว ก็จะส่งผลให้บริษัทมียอดขายเพิ่มเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2558 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตอย่างน้อย 12% ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวยังไม่นับรวมกับธุรกิจใหม่ที่จะเข้ามา โดยคาดว่าตลาดในประเทศมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น จึงถือเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มธุรกิจจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์โดยตรง เนื่องจากความต้องการในตลาดจะเพิ่มสูงขึ้น กำลังซื้อจะเริ่มกลับเข้ามา ซึ่งเป็นปัจจัยช่วยผลักดันให้ยอดขายของบริษัทเติบโตเพิ่มมากขึ้น
อีกทั้งบริษัทได้มีกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายโดยออกผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ เพิ่มช่องทางจำหน่ายในประเทศให้มากขึ้น และเจรจากับกลุ่มลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ โดยขณะนี้บริษัทได้มีการจัดตั้งทีมงานเพื่อดูแลตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะ ซึ่งภายในปีนี้มีแผนจะขยายช่องทางการจำหน่ายโดยเจาะกลุ่มประเทศในเขตเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เป็นสำคัญ
นอกจากนี้ ในส่วนของการขยายธุรกิจไปในด้านพลังงานทดแทน คณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยทางอ้อม เพื่อรองรับการขยายการลงทุนในประเทศญี่ปุ่น สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1.5 เมกะวัตต์ ที่เมืองฮิเมจิ จังหวัดฮิวโกะด้วย โดยคาดการณ์ว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ทั้งนี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2557 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,235.32 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,193.31 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น ประมาณ 5% และมีกำไรสุทธิ 69.88 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 40.79 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 71.32% ทั้งนี้ มติของคณะกรรมการบริษัทนอกจากเรื่องการอนุมัติงบการเงินแล้ว ยังได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตราหุ้นละ 0.069 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 35.88 ล้านบาท หรือคิดเป็น 54.46% ของกำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่าย โดยมีกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 12 พฤษภาคม นี้