นายเลิศปัญญา กล่าวว่า จากกรณีเกิดสถานการณ์สู้รบในเยเมน และมีแนวโน้มว่าสถานการณ์จะรุนแรงขึ้น ทำให้หลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยได้เตรียมการอพยพพลเมืองของตนออกจากเยเมน ซึ่งขณะนี้มีคนไทยอาศัยอยู่ในเยเมนและส่วนใหญ่เป็นนักศึกษานั้น ตนได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมช่วยเหลือเยียวยาตามภารกิจของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ หากมีการอพยพคนไทยกลุ่มดังกล่าวกลับประเทศไทย
นายเลิศปัญญา กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมชาวโรฮิงญา จำนวน ๗๖ คน บนขบวนรถไฟ สายกรุงเทพฯ - สุไหงโกลก ที่สถานีชุมทางทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยพบว่ากำลังเดินทางไปยังชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ด่านอำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส และกรณีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดสระแก้ว จับกุมแรงงานเถื่อนชาวกัมพูชา จำนวน ๗๕ คน ขณะโดยสารรถกระบะจากจังหวัดฉะเชิงเทรา ผ่านจังหวัดสระแก้วเพื่อเดินทางกลับบ้านเกิดที่ประเทศกัมพูชาในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น ตนได้กำชับให้กองต่อต้านการค้ามนุษย์ และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ที่เกี่ยวข้อง ติดตามตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริงทั้งสองกรณี
ซึ่งหากพบว่าเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ให้ช่วยเหลือเยียวยาตามภารกิจของกระทรวงต่อไป
“สำหรับกรณีหญิงชรา วัย ๘๓ ปี ใช้ชีวิตอย่างลำบาก มีอาการหูตึง โดยเก็บผักขายหาเงินซื้ออาหารประทังชีวิต อาศัยอยู่กับน้องสาววัย ๕๙ ปี อาศัยอยู่ในบ้านสภาพผุพังบนที่ดินคนอื่นที่จังหวัดสุรินทร์ ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุรินทร์ (พมจ.สุรินทร์) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น โดยปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้ถูกสุขลักษณะเหมาะสมกับผู้สูงอายุ พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง” นายเลิศปัญญา กล่าวท้าย