นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช. ทวี ดอลลาเซียน จำกัด (มหาชน) (CHO) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 5/2585 มีมติให้บริษัทเข้าร่วมยื่นซองประมูลงานการซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ล๊อตแรกจำนวน 489 คัน จากหน่วยงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ราคากลาง (ราคาอ้างอิง) 3,650,000 บาทต่อคัน ที่มีวัตถุประสงค์จำเป็นเร่งด่วนต้องการใช้รถโดยสารปรับอากาศในระยะแรกจำนวน 489 คัน จากแผนการจัดหารถโดยสารคันใหม่ทั้งสิ้นจำนวน 3,183 คัน
"บริษัทตัดสินใจเข้าร่วมประมูลงานการซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ล็อตแรกจำนวน 489 คัน หลังจากองค์กรที่จัดหาสินค้าให้กับเรา (Supplier) ให้การสนับสนุนในการจัดหาประกอบรถ และมีความเห็นพ้องต้องกันว่าจะสามารถสร้างรายได้ และส่งมอบรถที่มีคุณสมบัติตามที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพกำหนดไว้ได้" นายสุรเดชกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทจะต้องผ่านกระบวนการการคัดกรองคุณสมบัติ 15 ประการของผู้เสนอราคาแล้วก่อน ซึ่งหากบริษัทผ่านเกณฑ์คุณสมบัติดังกล่าว จึงจะได้เข้าร่วมการเคาะราคา และคาดว่าจะสามารถทราบผลการประมูลงานได้ภายในไตรมาส 2/2558
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการผลิตรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) แล้วตามมาตรฐานของกรมการขนส่งทางบก เพื่อทดลองใช้ประโยชน์เองภายในบริษัท และเพื่อให้ทีมงานของบริษัทได้ศึกษาทุกอุปกรณ์และชิ้นส่วนอย่างปราณีตและเข้าใจทุกกระบวนการผลิตอย่างเชี่ยวชาญ
“ถ้าหากว่า บริษัทได้รับงานดังกล่าวแล้ว บริษัทเชื่อมั่นว่าว่าจะส่งผลดีต่อรายได้และกำไรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพราะนอกจากบริษัทจะมีรายได้จากการขายรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) แล้ว บริษัทจะได้รับค่าตอบแทนจากสัญญาการซ่อมบำรุงรถดังกล่างถึง 10 ปี คือตั้งแต่ 2558 ถึง 2568 และเราเชื่อมั่นว่า บริษัทสามารถทำรถที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานตามที่กรมขนส่งทางบกกำหนดไว้อย่างแน่นอนเนื่องจากเรามีประสบการณ์มาแล้ว และสามารถส่งมอบรถทั้งหมดได้ตามกำหนดภายในปี 2558 เนื่องจากวันนี้บริษัทมีความพร้อมในทุกๆด้านแล้ว อาทิ ด้านแรงงานคน เครื่องจักร พื้นที่ใช้สอย วัตถุดิบและอื่นๆ" นายสุรเดช กล่าวในที่สุด
อนึ่ง ตามแผนงานขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพมีโครงการจัดหารถโดยสารคันใหม่ทั้งสิ้นจำนวน 3,183 คัน เพื่อทดแทนรถโดยสาร (ดีเซล) คันเดิมที่มีสภาพเก่า ชำรุด และทรุดโทรม อีกทั้งเพื่อยกระดับคุณภาพและความเชื่อถือได้ในการให้บริการ รวมทั้งลดต้นทุนด้านเชื้อเพลิงและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และยังเป็นการสนองต่อนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนให้ใช้พลังงานทางเลือกอีกด้วย ซึ่งรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ(NGV) จำนวน 489 คัน นี้ เป็นล็อตแรกที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อนำมาให้บริการประชาชนทดแทนรถโดยสารเดิมที่ชำรุด เสื่อมสภาพ หากไม่มีรถทดแทนโดยเร็วจะเกิดปัญหาในการให้บริการประชาชน เนื่องจากปัจจุบันรถโดยสารเริ่มทยอยจอดเสียเป็นจำนวนมาก ทำให้มีรถโดยสารไม่เพียงพอที่จะรองรับการใช้บริการของประชาชน