ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร และแนวโน้ม “บ. บีเอสแอล ลีสซิ่ง” ที่ “BBB/Stable”

ศุกร์ ๑๐ เมษายน ๒๐๑๕ ๐๙:๒๒
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท บีเอสแอล ลีสซิ่ง จำกัด ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ การบริหารความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้ และคุณภาพของสินทรัพย์ที่ดี นอกจากนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัทในช่วงที่ผ่านมาและการสนับสนุนด้านธุรกิจและการเงินจากผู้ถือหุ้นใหญ่ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากการที่บริษัทยังมีเครือข่ายการให้บริการลูกค้าบริเวณรอบนอกกรุงเทพฯ ที่ไม่กว้างขวางพอซึ่งทำให้บริษัทมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้าจากการพึ่งพิงเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ บริษัทยังสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจลีสซิ่งอุปกรณ์และเครื่องจักรเพราะมีบริษัทคู่แข่งจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาแข่งขันมากขึ้นด้วย แนวโน้มการเติบโตและกำไรของบริษัทยังมีข้อจำกัดจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมทั้งจากการแข่งขันที่รุนแรง และราคารถยนต์มือสองที่อยู่ในระดับต่ำ

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่องจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไปพร้อม ๆ กับการเพิ่มความหลากหลายของแหล่งเงินกู้ไปด้วย แนวโน้มอันดับเครดิตยังพิจารณารวมไปถึงความคาดหมายที่คณะผู้บริหารของบริษัทจะสามารถคงคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีและรักษาผลการดำเนินงานในระดับที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ด้วย

อันดับเครดิตและหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทจะสามารถปรับขึ้นได้หากบริษัทเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจการเงินของธนาคารกรุงเทพ ภายใต้การกำกับแบบรวมกลุ่มของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือหากบริษัทสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้มากกว่าเดิมและสามารถสร้างผลกำไรจนสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งทางธุรกิจได้ ในทางกลับกัน หากบริษัทไม่สามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดหรือมีความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงหรือค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่สูงขึ้น สถานะอันดับเครดิตของบริษัทก็อาจถูกปรับลดลงได้

บริษัทบีเอสแอล ลีสซิ่ง ก่อตั้งในปี 2528 โดยการร่วมทุนระหว่างธนาคารกรุงเทพและบริษัทในกลุ่มกับ Sumitomo Mitsui Banking Corporation (SMBC) จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการทางการเงินสำหรับจัดซื้อเครื่องจักรและยานพาหนะในอุตสาหกรรมภายใต้สัญญาลีสซิ่งและเช่าซื้อ ต่อมาในปี 2547 บริษัทได้ขยายสู่ธุรกิจแฟคตอริ่ง ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในปัจจุบันคือกลุ่มธนาคารกรุงเทพซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 35.88% SMBC ถือ 40% และ JA Mitsui Leasing ถือ 10% ทั้งธนาคารกรุงเทพและ SMBC ให้การสนับสนุนแก่บริษัททั้งในรูปการให้เงินกู้และการแนะนำลูกค้าให้บางส่วน ในปี 2553 ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริการสินเชื่อและลีสซิ่งอุปกรณ์และเครื่องจักรของบริษัทอยู่ในอันดับที่ 4 จากจำนวนผู้ให้บริการรายใหญ่ 10 รายในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง ในปี 2554 บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดลดลงมาอยู่ที่อันดับ 7 และในปี 2555 และ 2556 ยังคงอยู่ที่อันดับ 7 แม้ว่าสินเชื่อจะเติบโตขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ สินเชื่อคงค้างของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 3,249 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 5,269 ล้านบาทในปี 2554 และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 6,209 ล้านบาทในปี 2557 ธุรกิจของบริษัทกระจุกตัวอยู่เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยผ่านการให้บริการของสำนักงานใหญ่เพียงแห่งเดียว ลูกค้าของบริษัทจึงจำกัดอยู่แต่เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และบริเวณใกล้เคียง ส่งผลให้บริษัทมีฐานลูกค้าที่ขาดความหลากหลายในเชิงพื้นที่เมื่อเทียบกับสถาบันการเงินรายใหญ่อื่น ๆ

รายได้สุทธิของบริษัท (ปรับจากรายได้สุทธิของธุรกิจให้เช่าดำเนินงาน) อยู่ที่ 542 ล้านบาทในปี 2556 และเพิ่มขึ้นเป็น 606 ล้านบาทในปี 2557 ซึ่งเป็นผลจากสินเชื่อคงค้างที่เติบโตขึ้น ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 242 ล้านบาทในปี 2557 เพิ่มขึ้นถึง 20.5% จากปีก่อน เป็นผลทำให้บริษัทมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยอยู่ในระดับสูงที่ 16.49% และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมเฉลี่ย 2.81% ในปี 2557 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 16.05% และ 2.71% ตามลำดับ ผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัทเป็นผลมาจากการมีส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยที่กว้างขึ้นและการควบคุมค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบันจะเป็นความท้าทายสำหรับบริษัทในการที่จะรักษาอัตรากำไรให้คงอยู่ในระดับเดิมหรือเพิ่มขึ้นได้

บริษัทมีการบริหารมูลค่าคงเหลือของสินทรัพย์ให้เช่าที่มีประสิทธิภาพจนสามารถสร้างรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากกำไรที่ได้จากการขายสินทรัพย์ให้เช่าดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ในภาวะที่ราคารถใช้แล้วลดลงจากผลกระทบของนโยบายรถคันแรกนั้น บริษัทยังคงสามารถรักษาระดับกำไรจากการขายสินทรัพย์ให้เช่าได้ โดยในปี 2554 บริษัทมีกำไรอยู่ที่ 29 ล้านบาท ในปี 2555 อยู่ที่ 24 ล้านบาท และในปี 2556 อยู่ที่ 19 ล้านบาท สำหรับปี 2557 กำไรที่ได้จากการขายสินทรัพย์ให้เช่าลดลงอยู่ที่ 13 ล้านบาท น้อยลงถึง 46% เมื่อเทียบกับปี 2556 เนื่องจากการลดลงอย่างมากของราคารถยนต์มือสอง

บริษัทมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี โดยมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (ค้างชำระเกิน 3 เดือน) ต่อเงินให้สินเชื่อรวมในระดับ 2% ในปี 2555 และลดลงมาอยู่ที่ 0.7% ในปี 2556 ในปี 2557 อัตราส่วนดังกล่าวยังลดลงอย่างต่อเนื่องจนมาอยู่ที่ระดับ 0.4% เนื่องจากการควบคุมความเสี่ยงที่เข้มงวด ทำให้บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวที่ต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทริสเรทติ้งจะจับตาดูคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ หากคุณภาพสินทรัพย์เสื่อมลงก็จะมีผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทได้

ทั้งธนาคารกรุงเทพและบริษัทต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินที่กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์จำกัดการให้สินเชื่อแก่บริษัทที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทที่เกี่ยวข้องได้แก่บริษัทที่ธนาคารพาณิชย์ถือหุ้นเกิน 10% ซึ่งสินเชื่อที่จะให้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้องนั้นจะต้องไม่เกิน 5% ของเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ หรือไม่เกิน 25% ของหนี้สินทั้งหมดของบริษัทที่เป็นลูกหนี้ แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า ผลจากกฎระเบียบดังกล่าวทำให้ความยืดหยุ่นในการหาแหล่งเงินทุนของบริษัทยังคงมีข้อจำกัดเนื่องจากในอดีตบริษัทพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากธนาคารกรุงเทพเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา บริษัทได้กระจายแหล่งกู้ยืมไปยังสถาบันการเงินอื่นมากขึ้นรวมถึงการออกตราสารหนี้ในตลาดทุน บริษัทเริ่มมีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินในปี 2553 ออกหุ้นกู้ในปี 2554 และออก Shogun Bonds 3 ครั้งมูลค่ารวม 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ระหว่างปี 2555-2557 ณ สิ้นปี 2557 บริษัทมีสัดส่วนเงินกู้เพียง 5.9% จากธนาคารกรุงเทพ และ 6.4% จาก SMBC ของจำนวนหนี้สินรวม 6,750 ล้านบาท บริษัทมีวงเงินสินเชื่อที่เพียงพอรองรับปัญหาการขาดสภาพคล่องในระยะสั้นที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีกระแสเงินสดที่มีเสถียรภาพจากการมีเงินผ่อนชำระรายเดือนจากลูกค้า และยังมีวงเงินสินเชื่อของธนาคารกรุงเทพที่เก็บเอาไว้ใช้เป็นเงินทุนแหล่งสุดท้ายในกรณีที่มีความต้องการเพิ่มสภาพคล่องในอนาคตด้วย

บริษัท บีเอสแอล ลีสซิ่ง จำกัด (BSL)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version