UWC ลงนามสัญญาใส่เงินลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล พร้อมเดินหน้าศึกษาขยายเฟส 2 ให้ครบ 50 เม็กกะวัตต์

พฤหัส ๐๒ เมษายน ๒๐๑๕ ๑๓:๓๒
UWC ต่อยอดธุรกิจเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเต็มตัว จับมือ ไทยนคร พาราวู้ด ทุ่มงบ 225 ล้านบาท ใช้ “บจ. ออสการ์ เซฟ เดอะเวิลด์” ลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวล 9.9 เม็กกะวัตต์ คาดคืนทุนใน 4 ปี รับรู้รายได้เฟสแรกปี 59 เดินหน้าศึกษาโครงการเฟส 2 ให้ครบ 50 เม็กกะวัตต์

นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) หรือ UWC เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ต่อยอดจากประสบการณ์ธุรกิจด้านเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง เข้าสู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าอย่างเต็มตัว โดยลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลโครงการแรกกับบริษัท ไทยนคร พาราวู้ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแปรรูปไม้ยางพารารายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ด้วยการร่วมทุนในบริษัท ออสการ์ เซฟ เดอะ เวิลด์ จำกัด ทุนจดทะเบียน 225 ล้านบาท โดย UWC มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ 55 % และ TNP ถือหุ้น 45%

“โครงการแรกที่จะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง เป็นโครงการขนาด 9.9 เม็กกะวัตต์ มีสัญญารับซื้อไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)แล้ว และการออกแบบโรงงานก็เสร็จสมบูรณ์พร้อมที่จะดำเนินการก่อสร้างได้ภายในเดือนเมษายนนี้ โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 12 เดือน และจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้านี้ได้ในครึ่งปีหลังของปี 2559 โครงการดังกล่าวจะมีรายได้ประมาณ 300 ล้านบาท/ปี โดยมี EBITDA ประมาณ 58 % และผลตอบแทน (IRR) ประมาณ 32% คาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลาประมาณ 4 ปี

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการศึกษาเพิ่มเติมในการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าในเฟส 2 จากความมั่นคงของปริมาณเชื้อเพลิงจากไม้ยางพารา พื้นที่ของโครงการ โลจิสติกส์ รวมทั้งจุดเชื่อมต่อไฟฟ้า เพื่อแผนการขยายโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลอีก 40 เม็กกะวัตต์ หากดำเนินการสำเร็จ จะทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าชีวมวลรวมกับโครงการแรกเป็น 50 เม็กกะวัตต์ ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช” นายวุฒิชัย กล่าว

ในส่วนของ บริษัท ไทยนคร พาราวู้ด จำกัด ได้นำความชำนาญในการดำเนินธุรกิจแปรรูปไม้ยางพาราที่มีมาอย่างยาวนาน และศักยภาพในการจัดการไม้ยางพาราในพื้นที่ภาคใต้ ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจกว่า 20 ปี มาเป็นจุดแข็งในด้านวัตถุดิบ เนื่องจากการแปรรูปไม้ยางพารา จะมีปีกไม้และขี้เลื้อยเป็นวัสดุคงเหลือในปริมาณมาก ทำให้โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลจากไม้ยางพารานี้ มีความมั่นคงทางเชื้อเพลิงอย่างมากในระยะยาว โดยในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี มีสวนยางพารามากกว่า 4.5 ล้านไร่ ปริมาณไม้ยางพาราที่ต้องใช้เข้าสู่โรงงานแปรรูป 1 โรง 4,200 ไร่ต่อปี คิดเป็นเพียง 1.2% ของการตัดสวนยางเฉลี่ยที่มีถึง 350,000 ไร่ต่อปี

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ