นายชูพงศ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัท สาลี่ พริ้นท์ติ้ง จำกัด (มหาชน) (SLP) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้เปิดให้ผู้ถือหุ้น บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม (SALEE) จองซื้อหุ้น SLP ตามสิทธิ (Pre-emptive Right) จำนวนไม่เกิน 126,707,006 หุ้น ในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิมของ SALEE ต่อ 1 หุ้น บริษัท สาลี่ พริ้นท์ติ้ง จำกัด (มหาชน) (SLP) ในช่วงระหว่างวันที่ 20-22 เมษายนที่ผ่านมา พบว่ามียอดจองซื้อเข้าเต็มจำนวนตามสิทธิ์ที่ได้รับ และมีนักลงทุนอีกเป็นจำนวนมากที่สอบถามมาเพื่อที่จะจองซื้อหุ้น SLP เพิ่มเติม โดยส่วนที่เหลือจากการจัดสรรตามสิทธิ Pre-emptive Right จะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไประหว่างวันที่ 23-24 และ 27 เมษายน 2558
“ภายหลังจากที่ได้เปิดให้ผู้ถือหุ้น SALEE จองซื้อหุ้น SLP ในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีกระแสตอบรับที่ดีมาก โดยมียอดจองเข้ามาเต็มจำนวนตามสิทธิ์ที่ได้รับ นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนแสดงความต้องการหุ้น SLP เข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่านักลงทุนเชื่อมั่นในตัวธุรกิจและอนาคตที่ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงทำให้มั่นใจว่า ในช่วงที่เปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อหุ้นน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน”นายชูพงศ์กล่าว
ทั้งนี้ SLP จะเสนอขายหุ้นสามัญรวมจำนวน 420 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.25 บาท โดยกำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 2.16 บาทต่อหุ้น และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า "SLP"
นายเศวต นราธิปกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่ พริ้นท์ติ้ง จำกัด (มหาชน) (SLP) ระบุว่า จากผลการสรุปยอดจองซื้อหุ้น SLP ในส่วนของผุ้ถือหุ้น SALEE พบว่าผู้ถือหุ้นให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อหุ้นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท โดยได้เล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องของผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมา และอนาคตที่ธุรกิจยังขยายตัวได้อีกมากตามภาคอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค รวมถึงอุตสาหกรรมเครื่องใช้ในครัวเรือนที่ยังเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี ซึ่งส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น โดยบริษัทยังคงเดินหน้าที่จะผลักดันธุรกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจของ SLP มีโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เป็นมา ซึ่งเชื่อว่าด้วยศักยภาพของ SLP ทำให้มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน
“บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปก่อสร้างอาคารโรงงานและคลังสินค้า,ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งเชื่อว่าการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจของบริษัท รวมถึงได้รับความไว้วางใจจากคู่ค้าทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น”นายเศวตกล่าว