ข้าวตราฉัตร หนึ่งในองค์กรที่ประสบความสำเร็จ บนเส้นทางธุรกิจ ‘ผู้นำข้าวสารบรรจุถุงรายใหญ่ของไทย’ ด้วยการสั่งสมประสบการณ์มานานกว่า 36 ปี โดยยึดมั่นในวิสัยทัศน์ผู้บริหารระดับสูง เครือเจริญโภคภัณฑ์ ตามปณิธาน 3 ประโยชน์ (คือ ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประโยชน์ต่อประชาชน และประโยชน์ต่อองค์กร)
ภายใต้การบริหารงานของ ผู้บริหารหนุ่ม ที่มีจิตสาธารณะ ในการทำหน้าที่แบ่งปันให้กับผู้คน มายาวนานกว่า 10 ปี ‘คุณเทียนชัย จูพัฒนกุล (ผู้จัดการทั่วไป ด้านกิจกรรมเพื่อสังคม) บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด’ ได้แบ่งปันประสบการณ์และวิสัยทัศน์ให้ฟังว่า “เมื่อปี 2547 ประเทศไทยเกิดภัยพิบัติธรรมชาติครั้งใหญ่ “สึนามิ” สร้างความสูญเสียมากมายให้กับทรัพย์สินและชีวิตผู้คนนับแสน ครั้งนั้นข้าวตราฉัตร ได้ระดมทีมงานภาคใต้ อาสาสมัคร เข้าช่วยเหลือ และเหตุการณ์ในครั้งนั้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งหน่วยงาน ‘กิจกรรมเพื่อสังคม’ ขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม”
กิจกรรมเพื่อสังคมหลักๆ ของข้าวตราฉัตร ที่อยากจะหยิบยกขึ้นมาแบ่งปัน มีอยู่ 2 โครงการหลัก คือ หนึ่ง คือ โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวหอมมะลิ GAP Plus (Good Agriculture Practices Plus) : เป็นโครงการฯ หนึ่งที่ถูกดำเนินงาน ภายใต้ปณิธาน 3 ประโยชน์ ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ คือ ต้นทางการผลิต เกษตรกร-จะได้รับความรู้ เรื่องการปลูกข้าวอย่างถูกวิธี ปลูกอย่างไร? ให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ สม่ำเสมอ และเกษตรกร จะมีความมั่นใจ เรื่องของตลาดรองรับผลผลิตที่แน่นอน ในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด), กลางน้ำ (องค์กร-จะได้รับวัตถุดิบข้าวสารที่ดี มีคุณภาพ เข้าสู่กระบวนการผลิต) และสุดท้ายปลายน้ำ (ผู้บริโภค-จะได้รับผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพ เหมาะสมกับราคา)
และเมื่อพฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เชิญ Trader นักการค้าข้าวจากประเทศต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก มาร่วมงาน “วันเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิโลก ปีที่ 2” อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ เพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของไทย ในการผลิตข้าวคุณภาพ เพื่อจำหน่ายและส่งออก สร้างความเชื่อมั่น และผลักดันสินค้าข้าวหอมมะลิไทย ไปสู่ตลาดโลกกว้างขวางยิ่งขึ้น
สอง คือ โครงการ “ข้าวไทย เด็กไทย” : โครงการโอลิมปิกวิชาการ (คือ การสนับสนุนโครงการส่งเสริมเยาวชนไทยไปแข่งขันวิชาการระดับโลก เพื่อกระตุ้นให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาเด็กไทย โดยร่วมกับหน่วยงาน สสวท. และ สอวน.) และ โครงการเรียงความ (คือ การจัดทำโครงการ ที่สร้างให้เยาวชนไทย ตระหนักถึงวัฒนธรรมไทยในเรื่องภาษา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย ผ่านการประกวดเขียนเรียงความ)
นอกเหนือจาก 2 โครงการหลักๆ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับ CSR ภายนอก หรือชุมชนรอบๆ องค์กร คือ ดูแลทุกๆ กรรมวิธีการผลิตสินค้า ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, มีการตั้งหน่วยงานสำนักความยั่งยืนองค์กร (CSO) เข้ามาช่วยผลักดัน ขับเคลื่อนความรับผิดชอบของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (CSR DIW) จนได้รับรางวัล และการยอมรับจากสังคม, การดึงพนักงานท้องถิ่นเข้ามีส่วนร่วมในกิจกรรมฯ ดังกล่าว และที่สำคัญบริษัทฯ ไม่เคยลืมที่จะให้ความสำคัญกับ ‘บุคคลชายขอบของสังคม’ มีการจัดส่งทีมงานเข้าไปช่วยเหลือ สนับสนุน การออกหน่วยขาเทียมพระราชทานฯ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 9 ปีที่ผ่านมา
อีกทั้ง บริษัทฯ ยังเล็งเห็นถึง ‘ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ภายในองค์กร’ ซึ่งก็คือ พนักงาน โดยให้ความสำคัญเรื่อง ความเป็นอยู่ สวัสดิการ การทำงานที่ถูกหลักกายศาสตร์ การพัฒนาความรู้ ขีดความสามารถ ควบคู่ไปกับการมีคุณธรรม จริยธรรม
ในปัจจุบัน บริษัทฯ ได้รับความร่วมมือ ร่วมใจ จนเกิดการรวมตัวกัน ของบุคคลผู้มีจิตสาธารณะ เสียสละ ทำกิจกรรมเพื่อสังคม ของเหล่าผู้บริหารและพนักงาน ภายใต้กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เกิดเป็น ‘ทีมฉัตรอาสา’ และ ‘ชมรมแทนคุณแผ่นดิน’ ขึ้นมา
ผมมองว่า การดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน องค์ประกอบหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ “ความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร” ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากที่ในวันนี้ต้องปลูกฝังเรื่องของ ‘การมีจิตสาธารณะ หรือ การให้ โดยไม่หวังผลตอบแทน’ ลงไปตั้งแต่ระดับผู้บริหาร ถึงพนักงานระดับปฏิบัติการ เพราะ ถ้าเกิดองค์กรต้องการความสำเร็จในเส้นทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น จะทำให้องค์กรดำเนินไปในทิศทางที่ผิดพลาดได้ ภายใต้ค่านิยมของเครือฯ เราพยายามที่จะคัดคนดีเข้ามา พัฒนาให้เก่ง (นิยามของคนดี คือ คนที่มีความกตัญญู คุณธรรม และความซื่อสัตย์) และทั้งหมดนี้ ถือเป็น “หลอดเลือดหัวใจ ขององค์กร” ที่ใช้หล่อเลี้ยงธุรกิจข้าวตราฉัตรให้เติบโตจนถึงทุกวันนี้ มากกว่าคำพูดใดใด “จิตสาธารณะ คือ การให้ โดยที่ไม่หวังผลตอบแทน”