ไม่ทราบเลยว่าคุณแต่งงาน คุณแต่งงานมากี่ปีแล้ว ?
“ 4 ปีครับ”
เขาไม่ใช่สาวโสด มีลูกติดคุณไม่คิดอะไรเลย ?
“ก็ผมเคยคบกับเขาตอนเขาเป็นสาวโสด คบมาได้ประมาณปีหนึ่งแล้วก็เข้าใจกันผิด แยกกันไป 5 ปี แล้วช่วงที่แยกทางกันไปผมก็ไปโดนผู้หญิงคนหนึ่งหลอก หมดไปครึ่งล้าน เขาก็โดนผู้ชายคนอื่นหลอกเหมือนกัน แล้วเขาก็แต่งงาน แล้วก็มีลูก แล้วก็บังเอิญมาเจอกันพอดี ผมก็ไหนๆ ก็เจอแล้วก็ขอเคลียร์หน่อยแล้วกัน ก็เคลียร์กันแล้วเขาก็บอกว่าเขามีสามี มีลูกแล้วนะ ผมก็ถามว่าแล้วสามีล่ะ เขาบอกเพิ่งจะหย่าไปไม่นาน แล้วลูกอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ ผมก็โอเคไปส่งที่บ้าน แล้วก็ให้เอาลูกมาให้ดูหน่อย ผมก็อุ้มเด็กมา มองหน้าแล้วก็ยิ้ม บอกว่าเป็นเด็กดีของพ่อของแม่นะคะลูก ผมก็บอกว่าเห็นไหมลูกยอมรับพี่เป็นพ่อแล้วค่ะ งั้นเรากลับมาคบกันแล้วกัน เขาก็บอกงั้นขอเวลาดูก่อนแล้วกัน ใช้เวลาดูกันซักพักแล้วก็กลับมาโอเคเหมือนเดิม”
ตอนนั้นที่ตัดสินใจใช้ชีวิตด้วยกัน คุณก็หลง และรักลูกเขาด้วยรึป่าว ?
“ตอนนั้นเรียกว่ายังไม่ถึงกับหลงรัก แต่ว่าอยากช่วยดูแล ผมรักเขา ก็อยากช่วยเขาดูแลลูก แล้วพอมาอยู่ด้วยกันลูกประมาณ 8 เดือนก็เริ่มรักลูกขึ้นเรื่อยๆ เพราะผมเองก็มีลูกเองไม่ได้”
ทำไมคุณมีลูกเองไม่ได้ล่ะ ?
“เพราะผมทานยามาตั้ง 10 กว่าปี แล้วคุณหมอบอกว่าถ้าผมมีลูกจะไม่ปลอดภัย ลูกเกิดมาอาจจะพิการ หรืออาจจะไม่ครบ 302 ครับ”
ได้จดทะเบียนสมรสกันไหม ?
“ผมไม่ได้จดครับ”
การแยกทางกันครั้งนี้ สาเหตุเกิดจากอะไร ?
“เพราะเราห่างกัน เขาทำงาน บาทีเขาก็เลิกดึก สองสามทุ่ม ผมก็กลับมาทำงานบางทีก็เลิกดึก เวลาไม่ค่อยตรงกัน เพราะบาทีเสาร์อาทิตย์เขาก็ทำงาน ไม่ค่อยได้เจอกัน มันเริ่มจะห่างกันมาเรื่อยๆ ก็เลยคุยกันว่าเราเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทกันดีกว่า ถ้าสามีภรรยากันมันต้องอยู่ด้วยกันถูกไหมครับ เขาก็บอกว่าหนูก็เห็นด้วยค่ะ ก็โอเคเป็นเพื่อนรัก เพื่อนสนิทกันนะ มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน”
ส่วนหนึ่งคือคุณกลับมาอยู่กับคุณแม่ ทำไมถึงกลับมา ?
“ก็ส่วนหนึ่งครับ ที่กลับมาอยู่กับแม่เพราะว่าการเดินทางไปทำงานมันไม่สะดวก”
หรือว่าคุณมีภรรยาใหม่ ?
“(ส่ายหน้า)”
คุณค่อนข้างเจ้าชู ?
“ผมทีละคนครับ”
สรุปมีแฟนใหม่รึป่าว ?
“ก็กำลังดูๆ อยู่ครับ”
คุณเบื่อเขา ?
“ผมไม่ได้เบื่อเขาครับ แต่ด้วยความที่มันห่างกัน เวลาก็ไม่ค่อยตรงกันไงครับ ก็ยังเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทกันอยู่ครับ ลูกผมก็ยังดูแลอยู่”
ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ลูกคุณ คุณก็ดูแล ?
“ก็ผมรับลูก รักเหมือนลูกผมเอง บางทีผมก็โทรถามเป็นไงบ้างลูกทำการบ้านเสร็จรึยัง เดี๋ยวพี่ไปรับลูกวันศุกร์ รับลูกมาอยู่บ้านกับคุณย่า พอลูกไปว่ายน้ำ เล่นกับลูก พาลูกขี่จักรยานเล่นแถวบ้าน”
อดีตภรรยาก็อนุญาติ ?
“เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ”
เขาเข้ากับคุณแม่คุณได้ดีไหม ?
“ก็โอเคครับ คุยกันได้”
คุณอาจจะเป็น 1 คู่ที่เจออาถรรพ์เลข 7 ?
“อีกแล้วเหรอ ผมว่าก็อาจจะใช่ก็ได้เพราะคุยกับเพื่อนหลายคน เพื่อนถามว่ากี่ปีแล้ว พอบอกว่า 7 ก็อ๋อเรื่องนี้หรือเปล่า เพราะหลาคนก็เป็น ภรรยาก็ 7 ปีครับ เลิกกันแฟน”
หลายคนเม้าท์ว่าภรรยาคุณมีชู้เพราะคุณยังเป็นคนป่วย ?
“อันนี้ไม่จริงเลยครับ เพราะตอนที่เขาเจอผม ผมหนักมากๆ เลย ยังใช้ไม้เท้า ใช้วอร์คเกอร์ใหญ่ๆ เขาก็ช่วยดูแลผม จนผมดีขึ้น แข็งแรงขึ้น แล้วเขาเป็นคนที่ไม่หมกมุ่นเรื่องนี้(เซ็กส์)”
เรื่องเซ็กส์ไม่น่าใช่ประเด็น ?
“ไม่ใช่ประเด็นเลยครับ ไม่ใช่ไม่น่า”
ใครเป็นคนพูดก่อนว่าเราแยกกัน ?
“มันก็ทั้ง 2 คนครับ เรามานั่งคุยกันแล้วมันก็มาถึงเรื่องนี้เอง ก็ประมาณว่าเห็นด้วยไหมว่าเราเป็นเพื่อนรัก เพื่อนสนิทกันดีกว่า มีอะไรก็ช่วยดูแลกัน ประมาณนี้มากกว่า”
แล้วลูกรู้ไหมว่าคุณแยกทางกันแล้วนะ ?
“ก็น่าจะรู้ครับ เพราะว่าไปเรียนก็มีคุณครูพูด เพื่อนพูด รุ่นพี่ก็พูด ลูกคนได้ยินเพื่อนๆ เขาพูดมา”
ยังมีใครบางคนที่เข้าใจผิกว่าภรรยาของคุณหนีไปมีวสามีใหม่ ?
“ก็จะบอกว่าอย่าเอาตัวคุณเองเป็นบรรทัดฐาน คุณรู้จักภรรยาผมแค่ไหน ไม่ใช่ทุกคนเป็นเหมือนคุณที่ว่าพอขาดตรงนี้แล้วก็ไปหาคนใหม่ อย่าเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานครับ”
บทสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ได้ทางช่อง 2 ทุกวันจันทร์-ศุกร์เวลา 10.30/14.00/20.00น. เสาร์-อาทิตย์10.30/14.30/19.30 และติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/thaich2