นายอนุโรจน์ เสนีย์ประกรณ์ไกร ประธานกรรมการ บริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TLUXE เปิดเผยถึงผลการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2558 ผู้ถือหุ้นมีมติเห็นด้วยกับการขอเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ เพิ่มอีก 5 ข้อ ได้แก่ 1.ประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมผลิตนำเข้า และจัดจำหน่ายอาหารสำเร็จรูป, 2.ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุประเภท ได้แก่ พลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานจากการเผาไหม้วัสดุจากการเกษตร พลังงานขยะ พลังงานน้ำ เป็นต้น 3.ประกอบกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อาคารชุด ห้องชุด การค้าที่ดิน หรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง, 4.การติดต่อและทำการตกลงส่วนราชการ องค์การของรัฐ กระทวง ทบวง กรม บุคคล เพื่อขอรับสิทธิในเครื่องหมายการค้า กรรมสิทธิ์ ลิขสิทธิ์สัมปทาน และสิทธิพิเศษ อันจำเป็นต่อการประกอบธุรกิจตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และ 5.ประกอบกิจการผลิต จัดการ วางระบบ ให้บริการ ส่งเสริม พัฒนา และลงทุนในกิจการด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ระบบขนส่ง ประปา ไฟฟ้า โทรคมนาคม พลังงานทางเลือก และระบบบริหารจัดการน้ำหรือ การชลประทาน และกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องทุกชนิด แต่ทั้งนี้ได้มีผู้ถือหุ้นบางส่วนมีมติ ไม่เห็นด้วย กับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ให้แก่นักลงทุนในวงจำกัดแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) จำนวนไม่เกิน 1,200,000,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 0.75 บาท จึงทำให้การพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯเป็นอันยกเลิก หากวาระใดวาระหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มทุนไม่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าว
? อย่างไรก็ดี แม้บริษัท ฯ ยังไม่สามารถเพิ่มทุนในครั้งนี้ได้ บริษัท ฯ ยังคงมีสภาพคล่องเหลืออยู่ กว่า 500 ล้านบาท ซึ่งมาจากการแปลงสภาพ Warrant ประมาณ 300 ล้านบาทและเงินสดหมุนเวียนคงเหลือส่วนหนึ่ง ย้ำยังคงเดินหน้าปรับปรุงการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงตามที่วางแผนไว้ พร้อมเจรจาสถาบันการเงินหากต้องใช้เงินลงทุนที่มากกว่านี้ เนื่องจาก อัตราหนี้สินของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ต่ำ โดยในเบื้องต้น ประเมินผลการดำเนินงานปี 2558 ว่า จะมีรายได้รวมกว่า 3,000 ล้านบาท และพลิกกลับมามีกำไรสุทธิจากปี 2557 ที่ขาดทุน 10.66 ล้านบาท ที่ได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลงจากโรคระบาดในกุ้งและต้นทุนขายที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ในปีนี้ผลผลิตกุ้งในตลาดเริ่มฟื้นตัว บวกกับบริษัทฯ ยังมียอดขายส่วนเพิ่มเข้ามาจากการหันมารับงานรับจ้างผลิต (OEM) อาหารสัตว์เลี้ยง (สุนัข กับ แมว)ให้กับ บริษัท นูทริกซ์ ที่จะสร้างรายได้เข้ามาอีกราว 400-500 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น660ล้านบาทในปี2559และ880 ล้านบาทในปี2560