สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ได้เปิดเผยถึงที่มาของเรื่องนี้ว่า “รูปนี้เป็นรูปที่โพสต์ลงสื่อโซเชี่ยลมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้เห็นผิดปกติอะไร จนกระทั่งล่าสุด ผมนำรูปนี้มาขยายเพื่อทำแบนเนอร์ตั้งที่หน้าโรงภาพยนตร์ พอขยายภาพขึ้นถึงได้เห็นว่า ที่ด้านขวาของภาพ ซึ่งปกติจะเห็นเป็นพื้นดำมืดไม่มีอะไรผิดปกติ กลับปรากฏเป็นภาพสตรีโบราณนั่งพนมมือไหว้อยู่ด้วย ซึ่งในฉากนั้นเรามีนักแสดงและตัวประกอบมากมายมาเข้าฉากนั่งฟังเทศน์ ทุกคนจะนั่งหันหน้าไปทาง อาต้อย เศรษฐา ที่รับบท สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ที่นั่งอยู่ธรรมมาสตร์ แต่สตรีท่านนี้เธอนั่งหันหน้าสวนทางมา ทำให้มองเห็นใบหน้าของเธฮลางๆ ผมตกใจมากรีบแจ้งให้ทีมงาน นักแสดงเข้ามาดูกัน ว่าเห็นเหมือนผมหรือไม่ พอทุกคนได้ดูก็ตกใจกันหมด เพราะเห็นเหมือนที่ผมเห็น และต่างก็บอกไม่ได้ สตรีในภาพนั้นเป็นใคร”
“ต้องบอกก่อนว่า ฉากนี้เราถ่ายทำกันที่ วัดใหญ่สุวรรณาราม ที่ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ และกุฏิที่เราใช้ถ่ายทำนั้น เคยเป็น ที่พำนักของ พระเจ้าเสือ หรือ พระเจ้าสรรเพชรที่8 มาก่อน นั่นก็ถือว่าสุดขลังอยู่แล้ว เราถ่ายทำกันอย่างระมัดระวัง ก่อนถ่ายทำฉากนี้ ระหว่างที่ถ่ายทำฉากอื่นๆ เราเจอเรื่องประหลาด มหัศจรรย์กันมาตลอด มีคนทักว่า เดี๋ยวฉากที่ สมเด็จโต ท่านสิ้น น่าจะเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ แต่เราก็ถ่ายทำมาด้วยดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งมาวันนี้ที่มาเกิดขึ้นกับ ฉากที่ สมเด็จโตฯ ท่านเทศน์นี่เอง”
“โดยส่วนตัว ผมไม่คิดจะให้ใครมาเชื่อว่าเป็นเรื่องอภินิหารอะไร แต่ผมก็ไม่ลบหลู่ เนื่องจากว่า วัดนี้เป็นวัดเก่าโบร่ำโบราณมา อาจจะมีวิญญาณบรรพบุรุษของเราที่ยังคงอยู่ที่นั่น ท่านอาจจะมาร่วมฟังเทศน์ด้วย ผมถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากกว่า ถ้าเป็นจริงผมก็ขอให้อานิสงฆ์บุญที่เกิดจากความตั้งใจที่ผมจะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เพื่อเป็นพุทธบูชา จงช่วยส่งให้ทุกดวงวิญญานยังคงอยู๋ที่นั่นไปสู่สุคติเถิดครับ”