“กลุ่มบริษัทเคพีเอ็น อะคาเดมี เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพน่าจับตา มีเป้าหมายชัดเจน และวิสัยทัศน์ที่น่าสนับสนุน นั่นคือ การผนึกธุรกิจทั้งหมดที่เกี่ยวกับการศึกษาและการพัฒนาศักยภาพบุคลากรเข้าไว้ด้วยกันโดยตั้งเป้าหมายขึ้นเป็นผู้นำในประเทศ พร้อมกับมีโครงการขยายธุรกิจโรงเรียนไปในประเทศเพื่อนบ้าน และมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ ซึ่งเปิดโอกาสให้ธนาคารสามารถเข้าไปให้การสนับสนุนในลำดับต่อไป” นายสุภัค กล่าว
นายณพ ณรงค์เดช ประธานบริหาร กลุ่มบริษัทเคพีเอ็น อะคาเดมี กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจ ASEAN ที่กำลังเติบโตและมีศักยภาพ มีสัญญาณอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีขนาดของจำนวนประชาการที่ค่อนข้างใหญ่ รวมถึงรายได้เฉลี่ยต่อคนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งได้มีการมองว่าจากนี้ไปจนถึงปี 2573 (ค.ศ.2030) อัตราการเติบโตถึง 2 ใน 3 ของธุรกิจโลกจะมาจากตลาดกลุ่มการศึกษาและพัฒนาบุคลากร ซึ่งจะมีประชากรที่มีรายได้ระดับชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 พันล้านคน
สำหรับวงเงินสินเชื่อรวม 375 ล้านบาท ที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประกอบด้วย วงเงินสินเชื่อโครงการ จำนวน 290 ลบ. ให้ บจก. เคพีเอ็น มิวสิค และ บจก. เพนต้า ซิสเต็มส์ สำหรับการจัดซื้อเครื่องดนตรี ระบบคอมพิวเตอร์ รวมถึงจัดส่งครูสอนดนตรี เข้าโรงเรียนในกทม. และมีการจัดคอนเสิร์ตให้นักเรียน และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน จำนวน 85 ลบ. ให้บริษัทในเครือ คือ บจก. เคพีเอ็น มิวสิค, บจก. เคพีเอ็น มิวสิค อาคาเดมี, บจก.เคพีเอ็น อะคาเดมี, บจก. เคพีเอ็น ติวเตอร์ริ่ง, บจก. เคพีเอ็น ไชนีส อะคาเดมี สำหรับให้บริษัทในเครือสามารถขยายสาขาของตนเองภายในปี 2558 ประมาณ 20 สาขา รวมถึงวงเงินหมุนเวียน OD ให้แต่ละบริษัทอีกด้วย
อนึ่ง กลุ่มบริษัทเคพีเอ็น อะคาเดมี มีครอบครัวณรงค์เดช ถือหุ้น 72% อีก 28% นั้นถือหุ้นโดย Abraaj ซึ่งเป็น Private Equity Fund ชั้นนำของโลก