ระวัง! ลมแดดและโรคผิวหนังที่มาในช่วงหน้าร้อน

พฤหัส ๐๗ พฤษภาคม ๒๐๑๕ ๑๖:๔๕

ประธานประชาสัมพันธ์สมาคมแพทย์ผิวหนัง

แห่งประเทศไทย

แม้จะเลยล่วงผ่านเดือนเมษายนมาแล้ว อากาศที่บ้านเราก็ยังคงร้อนระอุอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้คาดว่าฤดูร้อนจะยาวนานกว่าปรกติ กว่าจะเข้าช่วงหน้าฝนก็คงกลาง ๆ เดือนมิถุนายนเข้าไปแล้ว หลาย ๆ คน คงจะหงุดหงิดหัวใจว่า เข้าสู่เดือนพฤษภาคมมาแล้ว ทำไมยังคงร้อนมากขึ้น ๆ เรื่อย ๆ บางคนทำงานในที่แจ้งเกิดอาการเพลียแดดกับสภาพอากาศที่ร้อนแล้ว เป็นลมแดด ผิวสวย ๆ ที่คุณเฝ้าดูแลทะนุถนอมอาจกลายเป็นผิวเสีย ๆ เพราะโรคผิวหนังสารพัดมารุกราน

ฤดูร้อนปีนี้ร้อน…ร้อนมาเร็ว สุด ๆ ยิ่งกว่าปีก่อน ๆ ที่ผ่านมา นอกจากจะต้องรับมือกับปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่เครียดกับงานแล้ว ยังต้องมาเครียดกับอุณหภูมิที่พุ่งสูงปรี๊ด ทั้งลมแดด ไมเกรน ขาดน้ำ และอื่นๆ แล้ว ยังต้องระวังโรคผิวหนังที่อาจเกิดขึ้นด้วย ส่วนจะมีโรคอะไรบ้างและควรดูแลป้องกันตัวเองอย่างไร ลองมาดูกันดีกว่า

1.โรคลมแดด หรือโรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) เกิดจากการที่ร่างกายอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่อุณหภูมิสูงและได้รับความร้อนมากเกินไปทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติของสมองในส่วนการควบคุมอุณหภูมิของร่างกายทำให้มีอุณหภูมิในร่างกายสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส ซึ่งส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตและระบบสมอง สัญญาณเตือนที่สำคัญของโรคฮีทสโตรก คือไม่มีเหงื่อออก แม้จะอากาศร้อน หน้าแดง ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกกระหายน้ำมาก วิงเวียน ปวดศีรษะ คลื่นไส้ หายใจเร็ว อาเจียน เกร็งกล้ามเนื้อ ชัก มึนงง สับสน รูม่านตาขยาย ความรู้สึกตัว ลดน้อยลง อาจหมดสติ หัวใจเต้นเร็วแต่แผ่วเบา ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องและทันเวลา อาจทำให้หัวใจหยุดเต้น และถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งแตกต่างจากอาการเพลียแดดทั่ว ๆ ไปที่จะมีเหงื่อออกด้วย สำหรับผู้ที่มี ความเสี่ยงในการเกิด โรคฮีทสโตรก คือ ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ที่อดนอน ผู้ที่ดื่มเหล้าจัด ผู้ที่ทำงานในสภาพอากาศที่ร้อนชื้น และผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคอ้วน รวมถึงนักกีฬา และทหารที่เข้ารับการฝึก โดยไม่มีการเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมที่จะเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัด

วิธีป้องกัน : สำหรับการปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรคฮีทสโตรก ควรดื่มน้ำ 1-2 แก้ว ก่อนออกจากบ้าน ในวันที่มีอากาศร้อนจัด ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีอ่อน โปร่ง ไม่หนา น้ำหนักเบา และสามารถระบายอุณหภูมิความร้อนได้ดีและป้องกันแสงแดดได้ และหากต้องอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนหรือออกกำลังกลางสภาพอากาศร้อน ควรดื่มน้ำ ให้ได้ชั่วโมงละ 1 ลิตร แม้จะไม่รู้สึกกระหายน้ำก็ตาม และแม้จะทำงานในที่ร่มก็ควรดื่มน้ำ อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ก่อนออกจากบ้านควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดในวันที่อากาศร้อนจัด โดยเฉพาะก่อนการออกกำลังกายหรืออยู่ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนเป็นเวลานาน หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และยาเสพติดทุกชนิด ในเด็กเล็กและคนชราควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษโดยให้อยู่ในห้องที่มีอากาศระบายได้ดี และไม่ให้เด็กหรือคนชราอยู่ในรถที่ปิดสนิทตามลำพังในกรณีที่จะต้องไปทำงานท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด ควรเป็นบุคคลที่มีสุขภาพแข็งแรงโดยออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้งๆ ละ 30 นาที เพื่อให้ร่างกายเคยชินกับสภาพอากาศร้อนจัด

2.ผดร้อน เมื่ออุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต่อมเหงื่อทำงานหนัก เพื่อปรับสมดุลความร้อนในร่างกาย หากเกิดการอุดตัน ขับเหงื่อออกมาไม่ได้ ก็จะทำให้เกิดผดลักษณะเป็นตุ่มน้ำใสๆ เล็กๆ เรียงกันไป มักจะขึ้นตามซอกข้อพับ หน้าอก หน้าผาก ส่วนมากจะพบในเด็ก เพราะต่อมเหงื่อยังพัฒนาไม่เต็มที่ การถ่ายเทอากาศยังไม่ดีพอ แต่ก็พบในผู้ใหญ่ได้เหมือนกัน เมื่อผดพวกนี้เกิดการอักเสบก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง และหากมีแบคทีเรียเข้าไปก็จะกลายเป็นตุ่มหนอง

วิธีป้องกัน : ใส่เสื้อผ้าโปร่งที่ระบายอากาศได้ดี หลังเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมที่เหงื่อออกเยอะก็ไม่ควรทิ้งให้เหงื่อหมักหมมอยู่นาน อาบน้ำล้างตัวให้สะอาด วันหนึ่งอาบมากกว่าสองครั้งก็ได้ และอย่าลืมดูแลที่นอน ปลอกหมอนให้สะอาด

3. กลาก-เกลื้อน เมื่อมีเหงื่อออกมาก ในบริเวณที่อับชื้นก็จะติดเชื้อเกิดเป็นกลากเกลื้อนได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะคนที่ชอบใส่เสื้อผ้าอับๆ รัดๆ เล่นกีฬาหรือทำงานกลางแจ้ง และเมื่อเป็นแล้วครั้งหนึ่งก็อาจเป็นซ้ำได้อีก เพราะหมายความว่าลักษณะผิวหนังเหมาะที่จะทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ง่ายนั่นเอง โดยลักษณะของกลากจะเป็นวงแดงๆ คันๆ เกิดจากเชื้อรา มักพบตามขาหนีบ ก้น รักแร้ ง่ามเท้า ซอกนิ้วมือ มีชื่อเรียกต่างกันไปตามบริเวณที่ขึ้น เช่น ถ้าขึ้นที่ขาหนีบจะเรียกว่า สังคัง กลากบนหนังศีรษะเรียกว่า ชันนะตุ และถ้าเป็นทั้งตัวก็จะเรียกว่า ขี้กลากหนุมาน ส่วน เกลื้อน จะเกิดจากเชื้อยีสต์ซึ่งอยู่ที่ผิวหนังเราอยู่แล้ว มองเห็นเป็นจุดขาวๆ คันๆ มักพบในบริเวณที่เหงื่อออกเยอะ เช่น แผ่นหลัง

วิธีป้องกัน : ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในอากาศที่ร้อนอบอ้าว ไม่สวมเสื้อผ้าที่หนาและคับ หลังการทำงานหรือเล่นกีฬาที่ทำให้มีเหงื่อออกมาก ควรรีบอาบน้ำฟอกสบู่ให้สะอาดแล้วเช็ดตัวให้แห้ง ใส่เสื้อผ้าซักสะอาด ตากให้แห้ง และเปลี่ยนเสื้อใหม่ทุกวัน

4. กลิ่นตัว กลิ่นตัวเป็นปัญหาอันดับต้นๆ ของคนเรายามเหงื่อออกและทำให้คนรอบข้างรังเกียจ กลิ่นตัวเกิดจากต่อม Apocrineบริเวณรักแร้หลั่งสารชนิดหนึ่งออกมาเวลาร้อนๆ เมื่อสารนี้ทำปฏิกิริยากับเหงื่อและแบคทีเรียก็จะเกิดเป็นกลิ่นตัวขึ้น ยิ่งเหงื่อออกมาก กลิ่นตัวก็ยิ่งแรง และแต่ละคนก็จะมีกลิ่นแตกต่างกันไป บางคนอาจกลิ่นแรงชนิดที่คนใกล้ๆ ได้กลิ่นก็แทบสลบเลยทีเดียว

วิธีป้องกัน : รักษาความสะอาดโดยเฉพาะบริเวณรักแร้ แล้วใช้พวกสารระงับกลิ่นกายหรือสารส้มก็ได้ พอช่วงกลางวันหากกลิ่นตัวแรงขึ้น ลองใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำสะอาดหยดโคโลญเล็กน้อยเช็ดใต้วงแขน จะรู้สึกสบายตัวเหมือนอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ

5. สิว จริงๆ แล้วต่อมเหงื่อกับต่อมไขมันเป็นคนละต่อมกัน แต่เมื่อเหงื่อออกเยอะๆ ความมัน ก็เลยกระจายไปทั่วใบหน้า เกิดความรู้สึกว่าหน้ามันไหลเยิ้ม บางคนก็ชอบเอามือไปจับ เกิดความสกปรกก็เลยทำให้เกิดการอักเสบเป็นสิวขึ้นได้

วิธีป้องกัน : ไม่ควรใช้มือที่ไม่สะอาดสัมผัสใบหน้า เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่าเป็น non-comedogenic คือ รับรองว่าไม่ทำให้เกิดสิว และ oil-free อย่าลืมล้างเครื่องสำอางให้สะอาดก่อนเข้านอน

6. ภูมิแพ้ ในช่วงหน้าร้อน สาวๆ ที่ชอบสวมเครื่องประดับประเภทโลหะ ไม่ว่าจะเป็นต่างหู สร้อยคอ สร้อยข้อมือ เมื่อเหงื่อออกมากๆ ก็อาจจะทำให้นิกเกิ้ลละลายออกมาทำปฏิกิริยากับผิวหนังจนเกิดผื่นผิวหนังอักเสบในบริเวณที่สัมผัสกับโลหะได้ รวมถึงกลุ่มที่เป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนัง (อโทปิก Atopic) ความชื้นจากเหงื่อก็จะไปกระตุ้นให้คันมากขึ้นได้ บางคนคิดว่าแพ้เหงื่อแต่จริงๆเกิดจากเป็นอโทปิกทำให้คันง่าย บางคนโดนแดดแล้วมีผื่นลมพิษขึ้น คันทั่วตัว

วิธีป้องกัน : หากคุณแพ้โลหะก็ควรงดเครื่องประดับที่มีส่วนผสมของนิกเกิล เลือกใช้พวกที่เป็นเงินแท้หรือทองคำแท้แทน สำหรับผิวหนังอักเสบอโทปิก ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก อาบน้ำด้วยสบู่อ่อน ใส่เสื้อผ้าที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก

แสงแดด...ตัวร้ายทำลายผิว

7. รังสีอัลตร้าไวโอเลตในแสงแดด ถือเป็นศัตรูตัวร้ายของผิวสวยๆ เลยก็ว่าได้ รังสี UVA ในแสงแดดจะเป็นตัวการทำร้ายผิวให้ผิวเสื่อมก่อนวัย เกิดริ้วรอย เกิดความเหี่ยวย่น และทำให้ดำในทันทีที่โดนแดด ส่วนรังสี UVB จะทำให้ผิวคุณไหม้ มีอาการแสบร้อน ผิวแดงจัด อาจมีอาการพอง หลังจากนั้นก็ลอกและเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ (Delayed Tanning) และนานวันเข้าก็อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง ได้

วิธีป้องกัน : งดใส่เสื้อแขนกุด ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว สวมหมวกปีกกว้าง ใช้ร่ม และทายากันแดดทุกครั้งที่ออกจากบ้าน โดยเลือกแบบที่ป้องกันได้ครบทั้งรังสี UVA (มีสัญลักษณ์ PA+++ หรือ UVA-Block) และ UVB (SPF 30 ขึ้นไป) นอกจากนี้ควรทาซ้ำก่อนออกแดดทุกครั้ง และหากทำกิจกรรมกลางแจ้งก็ควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง เพราะสารกันแดดในยากันแดดจะเสื่อมประสิทธิภาพลงเมื่อโดนแสงแดด เลือกทำกิจกรรมช่วงเช้าหรือเย็น ที่แดดไม่แรงมาก

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO