คุณลิดา เจษฎาถาวรวงษ์ Commercial Head บริษัท แซมโซไนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายกระเป๋าเดินทาง “แซมโซไนท์” ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมแห่งกระเป๋าเดินทางอันยาวนานนับศตวรรษ กล่าวว่า “จากการมุ่งเน้นในการพัฒนาสินค้าควบคู่กับการบริการมาตรฐานระดับโลก เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางในรูปแบบใหม่ให้กับลูกค้าได้อย่างครอบคลุมในทุกความต้องการมามากกว่า 100 ปี ล่าสุด “แซมโซไนท์” ได้ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำตลาดกระเป๋าเดินทางโลก โดยคว้ารางวัลTravelers’ Choice Awards เป็นปีที่ 3 ต่อเนื่องกัน สาขา Favorite Luggage Brand 2015 จาก TripAdvisor® เว็บไซต์ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลก ที่มีผู้ใช้บริการมากกว่า 180,000 คน ใน 9 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, อิตาลี,เยอรมนี, สเปน, รัสเซีย, ออสเตรีย และ แคนาดา โหวตให้เป็นแบรนด์กระเป๋าเดินทางอันดับหนึ่งที่นักเดินทางทั่วโลกไว้วางใจเลือกใช้เพื่อเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของ “แซมโซไนท์ โกลบอล” ที่สร้างสามารถสร้างยอดขายรวมทั่วโลกในปี พ.ศ. 2557 อยู่ที่ 2,350.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17.3% โดยแบรนด์ “แซมโซไนท์” (Samsonite) มียอดขายรวมเป็นอันดับ 1 ด้วยมูลค่า 1,535.7 ล้านดอลลาร์ และแบรนด์ “อเมริกัน ทัวร์ริสเตอร์” (American Tourister) มียอดขายรวมเป็นอันดับ 2 ด้วยมูลค่า 504.2 ล้านดอลลาร์ หากพิจารณายอดขายรายทวีป พบว่า ทวีปเอเชียมีอัตราการเติบโตของยอดขายในปีที่ผ่านมาสูงกว่า 18% คิดเป็นมูลค่า 892.3 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นอันดับสองรองจากทวีปอเมริกาเหนือ (North America) สำหรับประเทศไทย สามารถสร้างยอดขายเติบโตอยู่ที่ประมาณ 15% แบ่งเป็น 4 แบรนด์หลักดังนี้
· แซมโซไนท์ (Samsonite) นวัตกรรมกระเป๋าเดินทางที่สามารถตอบสนองความต้องการในการใช้งานได้ทุกรูปแบบซึ่งสินค้าในกลุ่มนี้มีอัตราการการเติบโตประมาณ 10 %
· แซมโซไนท์ แบล็คเลเบิล (Samsonite Black Label) เพรสทีจคอลเลคชั่น โดดเด่นด้วยดีไซน์จากนักออกแบบชั้นนำระดับโลก เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ มีอัตราการเติบโตประมาณ 10%
· แซมโซไนท์ เรด (Samsonite RED) กระเป๋าไลฟ์สไตล์แฟชั่นสำหรับคนรุ่นใหม่ มีทั้งกระเป๋าเป้ กระเป๋าไลฟ์สไตล์ และกระเป๋าเดินทาง ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงถึงเกือบ 200%
· อเมริกันทัวร์ริสเตอร์ (American Tourister) กระเป๋าเดินทางที่สามารถตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว ซึ่งมีอัตราการเติบโตประมาณ 30%
คุณลิดา กล่าวต่อไปว่า “ด้วยความโดดเด่นของสินค้าที่มีนวัตกรรมและดีไซน์ที่มีความหลายหลากในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มแล้ว ยังมีปัจจัยความแข็งแกร่งที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก คือ การให้บริการในการรับประกันสินค้าแบบ Global Warranty ที่ครอบคลุมในการใช้บริการให้บริการทั่วโลก และช่องทางการจัดจำหน่ายที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งในแบบ“Samsonite Shop” มากกว่า 24 สาขา และแบบจุดขายภายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ “Shop in Shop” กว่า 39 แห่งทั่วประเทศรวมถึงการเติบโตของช่องทางการขายใหม่ๆ อาทิ เช่น E-Commerce ที่สามารถดึงดูดลูกค้าให้สามารถตัดสินใจเลือกแบรนด์แซมโซไนท์และแบรนด์ต่างๆในเครือได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มั่นใจว่า ปลายปี 2558 นี้ ยอดขายรวมในประเทศไทยจะสามารถเติบโตได้กว่า 20%อย่างแน่นอน”