นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าภาพรวมไตรมาสแรกของปี 2558 ลูกค้าดิจิตอล แบงกิ้งของธนาคารกสิกรไทย ทั้งบริการธนาคารทางโทรศัพท์มือถือ (K-Mobile Banking Plus) และธนาคารทางอินเทอร์เน็ต (K-Cyber Banking) เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยผู้ใช้บริการรายใหม่เติบโตถึง 40% และปริมาณการธุรกรรมเติบโตถึง 52% มีเงินหมุนเวียนเฉลี่ยสูงถึง 280,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งเป็นผลมาจากการกระแสความนิยมในการใช้สมาร์ทโฟนและการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ทั้งการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ การซื้อสินค้าออนไลน์ และการชำระเงินค่าสินค้าและบริการออนไลน์ที่ช่วยให้ลูกค้าทำธุรกรรมได้สะดวก รวดเร็วขึ้น ตลอด 24 ชั่วโมง
ดังนั้น ธนาคารกสิกรไทยจะให้ความสำคัญในการใช้กลยุทธ์เชิงรุกเพื่อขยายฐานลูกค้าดิจิตอล แบงกิ้งอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าพัฒนาสู่บริการดิจิตอล แบงกิ้ง เต็มรูปแบบและรักษาความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้านดิจิตอลแบงกิ้ง ด้วยคอนเซ็ปท์ “ไลฟ์สไตล์ ดิจิตอล เอ็กซ์พีเรียน” (Lifestyle Digital Experiences) ที่จะมุ่งพัฒนาบริการให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพิ่มจำนวนลูกค้าและอัตราการใช้บริการให้มากขึ้น ด้วย 3 กลยุทธ์ คือ
1) มุ่งเพิ่มจำนวนลูกค้าและอัตราการใช้บริการ โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการทำธุรกรรมการเงินที่มากกว่าธุรกรรมระหว่างธนาคารกับธนาคาร โดยสามารถทำธุรกรรมการเงินที่หลากหลาย ที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะกับธนาคารเท่านั้น (Bank to Non-Bank) เช่น การร่วมมือกับวิง ผู้นำในการให้บริการด้านการโอนเงินรายใหญ่ในกัมพูชาให้บริการโอนเงินข้ามแดนไทย–กัมพูชา ตลอดจนสร้างกิจกรรมทางการตลาดดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น 2) พัฒนานวัตกรรมและยกระดับการให้บริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ การใช้ชีวิต และสร้างมูลค่าเพิ่มของการใช้บริการ เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในปัจจุบันที่พึ่งพาเทคโนโลยี ทั้งโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก ในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร 3) พัฒนาศักยภาพมาตรการในการรักษาความปลอดภัยทางข้อมูลขั้นสูง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้บริการ
“การพัฒนาธุรกรรมด้านดิจิตอล แบงกิ้ง ให้สอดรับกับเศรษฐกิจดิจิตอลต่อจากนี้ให้สอดคล้องกับแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภค ประกอบด้วย 3 เรื่องหลัก (3C) ได้แก่ (1) Connect สร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้บริการด้วยการรวมข้อมูลทุกช่องทางบริการให้เป็นทิศทางเดียวกัน (Omni-channel) ไม่ว่าลูกค้าจะใช้บริการผ่านสาขา เอทีเอ็ม หรือโทรศัพท์มือถือ (2) Create การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะเอื้อให้เกิดความรวดเร็วในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ตลอดจนมาตรการในการป้องกันการโจรกรรมข้อมูล (3) Capture การใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงกับข้อมูลของโซเซียลมีเดียที่ธุรกิจจะสามารถนำไปประมวลผลเพื่อการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค และต่อยอดทางธุรกิจเพื่อการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย” นายปกรณ์กล่าว
นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยได้เปิดตัวแคมเปญ “รีวอร์ด พลัส” ให้ลูกค้าที่ใช้บริการทำธุรกรรมหรือชำระเงินผ่านบริการดิจิตอล แบงกิ้งของธนาคารกสิกรไทย ทั้ง K-Mobile Banking PLUS หรือ K-Cyber Banking จะได้สิทธิ์รับส่วนลดร้านค้าต่างๆ เช่น รับเครื่องดื่มฟรีจากแบล็ค แคนยอน, ส่วนลดการสินค้าที่ท็อปส์ มาร์เก็ต, ส่วนลดชมภาพยนตร์ในเครือ SF Cinema, โบนัสค่าโทรจากการเติมเงิน และส่วนลดอาหารในเครือ CRG โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ –31 ธันวาคม 58
นายปกรณ์ กล่าวตอนท้ายว่า ความท้าทายในการพัฒนาดิจิตอล แบงกิ้งยุคต่อไป คือ การออกบริการที่รวดเร็ว ใช้งานสะดวก สามารถตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ของลูกค้าและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี รวมทั้งมีความปลอดภัยสูงเพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการใช้บริการมากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์เชิงรุกดังกล่าวจะทำให้ธนาคารกสิกรไทยคงความเป็นผู้นำด้านบริการดิจิตอล แบงกิ้ง ที่ให้บริการเจาะเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของทุกกลุ่มเป้าหมายได้ในทุกที่ ทุกเวลา และมั่นใจว่า ในปีนี้จะมีจำนวนลูกค้าใหม่ที่ใช้บริการดิจิตอล แบงกิ้ง เพิ่มอีกราว 4 ล้านราย