นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงความสำคัญในการ ลงนามความร่วมมือครั้งนี้ว่า เป็นการร่วมกันส่งเสริม สนับสนุนผู้เชี่ยวชาญ พัฒนาความรู้ ความเข้าใจด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร และสารสนเทศ แก่นักเรียน นักศึกษา เยาวชน และประชาชนทั่วไป อีกทั้งร่วมกันใช้ทรัพยากร และความสามารถของทั้ง 8 องค์กร ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาขีดความสามารถ และ ทักษะการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีการสื่อสาร และสารสนเทศ ของนักเรียน นักศึกษา เยาวชนและประชาชนทั่วไป ผ่านการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของทั้ง 8 องค์กร ทั้งยังร่วมกันพัฒนาบุคลากรของ 8 องค์กร และประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ผลการดำเนินงานของ 8 องค์กร ที่ดำเนินการร่วมกัน
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า ทั้ง 8 องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน มีแนวทางร่วมกันที่จะพัฒนาความรู้ เพิ่มขีดความสามารถ และทักษะความชำนาญด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและสารสนเทศ แก่นักเรียน นักศึกษา เยาวชนและประชาชนทั่วไป พร้อมทั้งพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและสารสนเทศในพื้นที่ให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคการศึกษาและเอกชน รวมถึงพัฒนาสื่อการเรียนรู้ที่ใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร และสารสนเทศเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่สู่สาธารณะโดยทั่วไป อีกทั้งจัดทำฐานข้อมูลผู้เรียนทั้งในภาพรวม และแต่ละภูมิภาค เพื่อวางแผนการใช้กำลังคน โดยร่วมกับภาคการศึกษาและเอกชน พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเตรียมคนเข้าสู่การทำงานเพื่อเสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถในแข่งขันต่อไป
“ความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ โดยเกิดจากความร่วมมือของเครือข่ายธุรกิจ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่ได้ร่วมกันส่งเสริม สนับสนุนโครงการช่างนอกกรอบ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพื่อดำเนินงานด้านบุคลากร และ ร่วมพัฒนาเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้พร้อมสู่ความยั่งยืนของธุรกิจ การร่วมจัดทำมาตรฐานฝีมือแรงงาน เริ่มตั้งแต่การเตรียมบุคลากร จากความร่วมมือ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ในอันที่จะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในพัฒนาภาคอุตสาหกรรม และการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรและคุณภาพชีวิต ควบคู่กับผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ โดยอยู่ร่วมกับชุมชนและสังคมได้อย่างยั่งยืน นับว่าเหมาะสมกันได้อย่างลงตัว อันจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมต่อไปในอนาคต” นายสุพันธุ์ กล่าว