ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาความรู้ผลิตภัณฑ์ระดับภูมิภาค ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค อะคาเดมี เผยว่า “หลายคนเข้าใจผิดคิดว่ากลิ่นปาก เป็นแค่เรื่องของกลิ่นอาหารที่ตกค้างหลังมื้ออร่อย ที่แค่แปรงฟันหรือบ้วนปากก็จะหายไป ถึงแม้ว่าแปรงฟันแล้วแต่ปัญหากลิ่นปากยังคงอยู่ เพราะไม่ใช่แค่กลิ่นจากอาหารที่เพิ่งกินเท่านั้น แต่อาจเป็นกลิ่นเศษอาหารที่ตกค้างมาแล้วทั้งวันทั้งคืน ที่ติดอยู่ตามซอกระหว่างฟันและเหงือก จึงทำให้แบคทีเรียในช่องปากกินเศษอาหารตกค้างเหล่านี้ แล้วก็จะปล่อยกลิ่นเหม็นออกมา แต่ปัญหาไม่ได้อยู่แค่ที่กลิ่น เพราะเมื่อแบคทีเรียขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นจะเกาะติดเป็นคราบสะสมของแบคทีเรีย เรียกว่า คราบพลัค ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และเป็นฉนวนก่อให้เกิด ฟันผุ หินปูน เหงือกอักเสบ และโรคในช่องปากอีกมากมาย กลิ่นปากจึงไม่ใช่แค่กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ลดความนิยมในตัวคุณ แต่ส่งผลต่อบุคลิกภาพ การงาน และความสัมพันธ์ รวมถึงส่งผลต่อสุขภาพปากและฟันอีกด้วย
ดังนั้นวิธีขจัดกลิ่นปากอย่างไรให้ได้ผล ควรเลือกยาสีฟัน และน้ำยาบ้วนปากที่ผสมฟลูออไรด์ ซึ่งจะช่วยกำจัดแบคทีเรียและกลิ่นจากอาหารได้ดี ทำให้ฟันแข็งแรง แต่ระวังยาสีฟันที่เน้นการขัดฟันขาวบางชนิด ที่ใช้สารขัดฟันเนื้อหยาบ ให้ทดลองบีบยาสีฟันเล็กน้อย แล้วถูวนด้วยนิ้วโป้งและนิ้วชี้ หากสัมผัสรู้สึกได้ว่าเนื้อหยาบคล้ายมีเม็ดทรายละเอียดผสมอยู่ก็อาจเสี่ยงทำลายเคลือบฟัน ทำให้เสียวฟันได้เมื่อใช้ต่อเนื่อง แต่ควรใส่ใจกำจัดเศษอาหารที่ตกค้างตามซอกฟัน ด้วยการแปรงฟันปัดขึ้นลงอย่างถูกวิธี อย่างน้อยวันละสองครั้ง เช้าและก่อนนอน และแปรงลิ้นเบาๆ เพื่อขจัดแบคทีเรียที่อยู่ตามผิวลิ้นด้วย
ไม่เพียงเท่านี้ควรใช้ไหมขัดฟัน ที่เหนียวนุ่มไม่ขาดง่ายทุกวัน เพื่อไม่ให้เหลือเป็นอาหารของแบคทีเรีย ซึ่งการใช้ไหมขัดฟันหลังการแปรงฟันก่อนนอน จะช่วยลดกลิ่นปากในตอนเช้าได้ดีมาก การกลั้วปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก ไม่อาจทดแทนการแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟันได้ แต่จะช่วยขจัดแบคทีเรียที่ผนังช่องปากในส่วนที่แปรงสีฟันและไหมขัดฟันทำงานไม่ถึง โดยควรเลือกชนิดที่ไม่มีแอลกอฮอล์รุนแรง เพราะอาจแสบระคายเคืองเยื่อบุช่องปากได้ หากดูแลครบถ้วนทั้งการแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน และน้ำยาบ้วนปาก แล้วยังมีกลิ่นปาก ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันโดยละเอียดครับ”
ได้เคล็ดลับดีๆ ในการดูแลสุขภาพภายในช่องปากแล้ว ต่อไปนี้ไม่ว่าจะยิ้ม หรือพูดคุยกับใคร ก็มั่นใจได้ใน ลมหายใจที่หอมสดชื่น