นางสมพร สุนทรธำรง รองผู้อำนวยการสถาบันบุนกะแฟชั่น กล่าวว่า บุนกะเป็นสถาบันสอนออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าแฟชั่นในเครือข่ายของ Bunka Fashion College สถาบันแฟชั่นระดับโลกของประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 90 ปี โดยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของวงการแฟชั่นญี่ปุ่นและเป็นผู้ผลักดันให้โตเกียวก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 5 มหานครแฟชั่นของโลก อีกทั้งยังได้สร้างสรรค์ดีไซเนอร์ระดับโลกมาแล้วมากมาย วันนี้ เราภูมิใจที่ได้ผลิตดีไซเนอร์ไทยออกสู่วงการแฟชั่นเป็นรุ่นที่ 8 และเชื่อมั่นว่าด้วยคุณภาพการเรียนการสอนที่เข้มข้น เน้นการปฏิบัติจริงทุกขั้นตอน จะทำให้วงการแฟชั่นของไทยได้ดีไซเนอร์ที่มีฝีมือเพื่อออกไปร่วมกันผลักดันและสร้างชื่อให้แฟชั่นไทยโดดเด่นในวงการแฟชั่นโลก
เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง ASAVA หมู พลพัฒน์ อัศวะประภา ซึ่งปัจจุบันเป็นนายกสมาคมแฟชั่นดีไซน์เนอร์กรุงเทพฯ เป็นเซเลบริตี้อีกคนหนึ่งที่ได้มาร่วมชมผลงานและให้กำลังใจน้องๆ บอกว่า ได้มีโอกาสมาชมแฟชั่นโชว์ของบุนกะทุกปี ได้เห็นการพัฒนาและความสามารถของน้องๆ ที่พร้อมจะก้าวไปสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น สิ่งที่น่าชื่นชมของโรงเรียนนี้คือนักเรียนทุกคนต้องตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยตัวเอง ซึ่งมีไม่มีกี่โรงเรียนที่สอนให้นักเรียนตัดเย็บเอง ส่วนใหญ่ตัดเย็บไม่ได้ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วทักษะการตัดเย็บคือพื้นฐานที่ดีไซเนอร์จะต้องทำได้
พร้อมกันนี้กูรูแฟชั่นยังได้เผยเทรนด์แฟชั่นฤดูร้อน 2015 สำหรับแฟชั่นนิสต้าที่ต้องการเกาะกระแสไม่ให้ตกเทรนด์ โดยหมู พลพัฒน์ บอกว่า เทรนด์แฟชั่นในช่วงนี้เป็นโครงเสื้อของอิทธิพล 1970 ที่มีความเป็นฮิปปี้นิดๆ เป็นรอยต่อของฮิปปี้กับมินิมอล เพราะฉะนั้นโครงเสื้อที่เราเห็นในช่วงนี้จะเป็นฮิปปี้ที่มีอารมรณ์ของผ้าลายเพรสลีย์หรือลายลูกน้ำ อีกอย่างที่เราจะเห็นคือเสื้อผ้าที่คลีนขึ้น สะอาดตาขึ้น ปกติในช่วงซัมเมอร์เราจะเห็นเสื้อผ้าลายดอก สีค่อนข้างสดใส แต่ปีนี้เราจะเห็นสีพาสเทลมากขึ้น หรือสีที่ดูสบายตา ที่มาแรงอีกสีหนึ่งคือ สีขาว ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าขาว กระเป๋าขาว นับเป็นสีที่ฮอตไอเท็มของซัมเมอร์นี้
นางสาวลลิตวรรณ พึ่งธรรม นักศึกษาสถาบันบุนกะแฟชั่น รุ่นที่ 8 ดีไซเนอร์ที่สร้างสรรค์แฟชั่นโชว์ในคอนเซ็ปต์Skin ซึ่งโดดเด่นจนได้รับรางวัล Best Creative Award ในงาน BUNKA 8th Graduation Fashion Show และยังได้รับรางวัลBest Performance Award เล่าถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบแฟชั่นโชว์ชุด Skin ว่า ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผิวหนังสัตว์ที่มีอัตลักษณ์แตกต่างกันทั้งลวดลายและโครงสร้าง บางชนิดดูอ่อนช้อยแต่กลับแผงไว้ด้วยความแข็งแกร่งซึ่งผิวหนังของสัตว์แต่ละเผ่าพันธุ์ก็จะมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป โดยใช้การสร้าง แพทเทิร์นที่เรียกว่าเมจิกแพทเทิร์นเพื่อตัดต่อให้ผ้ามีมิติ มีความนูน มีความสูงต่ำ และเป็นหนามแหลม เพื่อลอกเลียนแบบผิวหนังสัตว์ เช่น งู กิ้งก่าอาร์มาดิลโล ซึ่งแพทเทิร์นบางชุดมีมากถึง 280 ชิ้น ซึ่งถือว่าเยอะมาก กว่าจะออกมาเป็นคอลเลคชั่นนี้ต้องคิดเยอะมาก บางชุดต้องผ่านการทำซ้ำแล้วซ้ำอีกกว่าจะถูกใจ แต่พอสำเร็จออกมาเป็นผลงานในวันนี้ก็รู้สึกภูมิใจ หายเหนื่อย ตลอด 2 ปีที่เรียนมามีความสุขมาก และคิดว่าจะเลือกเดินบนเส้นทางแฟชั่นนี้ต่อไป