นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานราก (เสาเข็มเจาะ) ระดับแนวหน้าของประเทศไทย กล่าวถึงความคืบหน้าของแผนการย้ายจากตลาด mai เข้า SET ว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาอนุมัติจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/2558 นี้ ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพให้ PYLON แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และเปิดโอกาสให้มีกลุ่มผู้ลงทุนที่สนใจ PYLON เข้ามาลงทุนได้หลากหลายขึ้น
สำหรับภาพรวมของธุรกิจปี 2558 บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าการเติบโตของกำไรสุทธิประมาณ 15-20% จากปี 2557 โดยปัจจุบันบริษัทฯ มี Backlog จำนวน 900 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้เซ็นสัญญารับงานวางฐานรากเสาเข็มแบบเจาะ คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 2-3 เดือนและสามารถรับรู้รายได้ภายในปีนี้ทันที โดยได้ทยอยรับรู้รายได้ไปบางส่วนแล้ว อีกทั้งยังได้ยื่นประมูลงานใหม่เพิ่มเติมมูลค่ารวมประมาณ 1,000 ล้านบาท
นายบดินทร์กล่าวว่า ในด้านของภาพรวมอุตสาหกรรมงานก่อสร้างและงานฐานรากในปี 2558ว่า ยังคงมีแนวโน้มเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากการขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐบาลที่ประกาศไว้ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในช่วงกลางปีนี้ ประกอบกับงานโครงการรถไฟฟ้าอีก 3 สาย ซึ่งอยู่ระหว่างดูความชัดเจนเรื่องแหล่งเงินทุน และคาดว่าจะพร้อมเปิดประมูลก่อสร้างในช่วงครึ่งปีหลัง ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี, โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง และ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ศูนย์วัฒนธรรม - มีนบุรี นอกจากนี้ การลงทุนในโครงการต่างๆ ของภาคเอกชนที่เข้ามาสนับสนุนภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างและงานฐานรากให้คึกคักนั้น จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ PYLON เติบโตขึ้นในปี 2558 และโดยเฉพาะในปี 2559 ที่คาดว่าจะเป็นปีที่อุตสาหกรรมน่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้สำหรับผลประกอบการไตรมาส1/2558 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ถือว่าทุบสถิติทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีกำไรสุทธิ 60.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 43.17 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 40.86% ทั้งนี้ กำไรสุทธิดังกล่าว เนื่องจากบริษัทฯ มีการบริหารงานและใช้เครื่องจักรอย่างเต็มกำลังและมีประสิทธิภาพ ทำให้มีกำไรสุทธิที่เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด