การประกาศเครดิตพินิจดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ ASP ได้มีการปรับโครงสร้างกิจการของกลุ่มเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2558
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
เครดิตพินิจภายใต้การพิจารณาสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นของรูปแบบธุรกิจ (business model) โครงสร้างเงินทุน (capital structures) และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk appetite) ของ ASP หลังการปรับโครงสร้างกิจการของบริษัท
บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) เดิม ได้ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และจะมีสถานะเป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ของกลุ่ม ทั้งนี้ ASP ได้จัดตั้งบริษัทใหม่ชื่อ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด หรือ ASPS เพื่อดำเนินธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ ASP จะยังคงดำเนินธุรกิจการลงทุนเพื่อบัญชีบริษัท (proprietary trading) และการลงทุนในหุ้นนอกตลาด (private equity) และจะเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดใน ASPS และบริษัทลูกอีกสองบริษัท คือ บริษัท ที่ปรึกษา เอเชีย พลัส จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด
แม้ว่าการปรับโครงสร้างกิจการนี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างทางการเงินโดยรวมของบริษัท (consolidated) อย่างมีนัยสำคัญ แต่ฟิทช์จำเป็นที่จะต้องประเมินโครงสร้างทางการเงินเฉพาะของ ASP ในสถานะที่เป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ด้วย
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ฟิทช์คาดว่าจะสามารถยกเลิกเครดิตพินิจภายใต้การพิจารณาได้หลังจากที่ฟิทช์สามารถประเมินสถานะทางการเงินของทั้ง ASP และ ASPS รวมทั้งแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นหลังจากการประกาศงบการเงินสำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2558 และหลังจากฟิทช์ได้ข้อมูลเพิ่มเติมของการเปลี่ยนแปลงทางกลยุทธ์ โครงสร้างเงินทุน และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ทั้งนี้ฟิทช์คาดว่าจะสามารถยกเลิกเครดิตพินิจภายใต้การพิจารณาได้ภายในไตรมาส 3 ปี 2558
โอกาสที่ ASP จะได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตมีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากการปรับโครงสร้างกิจการไม่น่าจะส่งผลให้สถานะความแข็งแกร่งทางการเงินของ ASP ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตของ ASP อาจถูกปรับลดอันดับหากระดับหนี้สินของ ASP ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หรือหากบริษัทมีระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ASPS เป็นบริษัทหลักในการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ASP และเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 10 ในด้านมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 3.8% ในปี 2557 บริษัทมีเครือข่ายธุรกิจภายในประเทศที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทหลักทรัพย์ในประเทศที่สามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ได้ในระดับที่ดี ถึงเม้ว่าจะไม่ได้มีผู้ถือหุ้นที่เป็นธนาคารพาณิชย์ในประเทศหรือสถาบันต่างประเทศให้การสนับสนุน
รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘A-(tha)’ เครดิตพินิจภายใต้การพิจารณา
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F2(tha)’ เครดิตพินิจภายใต้การพิจารณา