ในข้อเท็จจริง สตง. ตรวจสอบพบว่า สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท) มีฐานะเป็นนิติบุคคล จัดตั้งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถือเป็นองค์กรเอกชน ที่มีภารกิจหลักคือการส่งเสริมการวิจัยและการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการและการจัดบริการสาธารณะ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากรายงาน พบว่าการดำเนินงานของสมาคม ส่วนใหญ่จะเป็นการจัดการประชุม และ สัมมนา ปัจจุบันมีเทศบาลเป็นสมาชิกสมาคม จำนวน 2,119 แห่ง (รวมกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา) จากจำนวนเทศบาลทั้งสิ้น 2,440 แห่ง โดยสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย แบ่งออกเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ 1. ระดับจังหวัด 2. ระดับภาค 3. ระดับทั่วประเทศ ทั้งนี้ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกี่ยวกับค่าบำรุงสมาคม พ.ศ.๒๕๕๕ กำหนดให้ เทศบาลที่เป็นสมาชิกต้องชำระค่าบำรุงให้แก่สมาคม ไม่น้อยกว่าร้อยละเศษหนึ่งส่วนหกของงบประมาณรายรับจริงประจำปีที่ผ่านมาไม่เกิน ๗๕๐,๐๐๐ บาท ซึ่งอัตราดังกล่าวเป็นอัตราตามข้อบังคับสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งหากเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของสมาคมกับจำนวนเงินค่าสมาชิก ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่สูงมากหากเทียบกับประโยชน์ที่ท้องถิ่นได้รับ นอกจากนี้การดำเนินงานของสมาคมยังจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงต่อประชาชน และอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของเทศบาลได้อีกด้วย
ศาสตราจารย์พิเศษชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ได้เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวนี้ หาก สตง. ไม่ดำเนินการใด ๆ อาจทำให้รัฐสูญเสียเงินงบประมาณมากเกินความจำเป็น และไม่เกิดความคุ้มค่าในการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเท่าที่ควร ดังนั้น สตง. จึงทำหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงมหาดไทย ให้พิจารณาทบทวน หรือยกเลิกระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกี่ยวกับค่าบำรุงสมาคม พ.ศ.๒๕๕๕ หรือให้กำหนดอัตราการจ่ายเงินค่าบำรุงให้แก่สมาคมสันนิบาตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้มีความเหมาะสม ทั้งนี้ สตง. จะได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้ สภาปฎิรูปแห่งชาติ ทราบต่อไปด้วย