รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี แพคเกจจิ้ง กล่าวว่า “ที่ผ่านมาเราพบว่า ความต้องการสินค้าบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสินค้านวัตกรรมมีโอกาสที่จะเติบโตอีกมาก ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป มีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ทดแทนกระดาษพิมพ์เขียนเพิ่มสูงขึ้น เอสซีจี เปเปอร์ จึงได้มุ่งขยายธุรกิจไปยังสินค้าและบริการด้านบรรจุภัณฑ์อย่างต่อเนื่องในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2557มีสัดส่วนรายได้ของสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ประมาณร้อยละ 72 ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนและสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งธุรกิจบรรจุภัณฑ์ เอสซีจี เปเปอร์ จึงปรับแบรนด์ใหม่ เป็น เอสซีจี แพคเกจจิ้ง เน้นการเป็น Total Packaging Solutions Provider คู่คิดที่จะสร้างคุณค่าและนวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายให้แก่ลูกค้า ผู้บริโภค และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเดินหน้าขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน และให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาสินค้า บริการ และโซลูชั่น พร้อมสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกับลูกค้า (Co-Creation) เพื่อสร้างคุณค่าและประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้าและผู้บริโภคอย่างแท้จริง”
เอสซีจี แพคเกจจิ้ง มุ่งเน้นดำเนินธุรกิจในตลาดภูมิภาคอาเซียนเป็นหลัก เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ส่งผลต่อความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน เอสซีจี แพคเกจจิ้ง มีฐานการผลิตในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ นอกจากนี้ ยังมุ่งขยายตลาดไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน อาทิ เมียนมา และกัมพูชา โดยพร้อมตอบสนองความต้องการลูกค้าในภูมิภาคด้วยบุคลากรคุณภาพที่มีความเชี่ยวชาญ การปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรอย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วยการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการให้มีศักยภาพสูงสุด ด้วยความตั้งใจในการยกระดับอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนให้มีศักยภาพสามารถรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมการรุกตลาดในภูมิภาคอาเซียน เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จึงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการด้านบรรจุภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างคุณค่าและตอบสนองความต้องการของตลาดที่หลากหลาย โดยตั้งงบประมาณในปี 2558 กว่า 400 ล้านบาท และมีเป้าหมายผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่มสูงหรือ HVA ให้ได้ร้อยละ 47 ของยอดขายรวมใน 5 ปี ตัวอย่างนวัตกรรม ได้แก่ การเพิ่มเทคนิคการพิมพ์พิเศษ การผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมเพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า บรรจุภัณฑ์อาหารที่ปลอดภัย ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) กรวยน้ำดื่มที่ผลิตจากเยื่อกระดาษบริสุทธิ์จากธรรมชาติ 100% ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และประสิทธิภาพสูง สามารถใช้งานได้ง่าย ไม่รั่วซึม และการนำเสนอบริการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (One-stop service design solution) ภายใต้ชื่อ “Inspired Studio” เพื่อให้บริการด้านการออกแบบ การผลิต และให้คำปรึกษาด้านงานกราฟฟิกต่าง ๆ เชิงสร้างสรรค์ และการใช้สอยเชิงพาณิชย์ เป็นต้น โดยทีมนักวิจัยกว่า 86 คน จะทำงานร่วมกับฝ่ายผลิตและการตลาดอย่างใกล้ชิด ซึ่งล้วนมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาสินค้าและบริการด้านบรรจุภัณฑ์ และมีแนวคิดการทำงานในแบบลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centricity) เพื่อเป็นเพื่อนคู่คิดที่มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร