ASEAN-WEN ประกาศความสำเร็จพร้อมกัน 62 ประเทศทั่วโลก กับ “ปฏิบัติการคอบบร้า ครั้งที่ 3” จับกุมการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์

จันทร์ ๒๒ มิถุนายน ๒๐๑๕ ๑๕:๕๑
ASEAN-WEN หรือ สำนักงานประสานงานเครือข่ายการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสัตว์ป่าและพันธุ์พืชแห่งภูมิภาคอาเซียน คือความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจาก 62 ประเทศในทวีปแอฟริกา, เอเชีย, อเมริกาและยุโรปประสบความสำเร็จจากปฏิบัติการความร่วมมือระยะยาว ภายใต้รหัสว่า “ปฏิบัติการคอบบร้า ครั้งที่ 3 (Operation COBRA III)” มุ่งเป้าปราบปรามอาชญากรรมสัตว์ป่าและพืชป่าที่เกี่ยวกับช้าง เสือ แรด ตัวนิ่ม ลิงที่ใกล้สูญพันธุ์ นก สัตว์เลื้อยคลาน และไม้พะยูง โดยปฏิบัติการจัดการสัตว์ป่าระดับโลกครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 27 พฤษภาคม 2558 มีผู้เข้าร่วมประชุมจากเครือข่ายความร่วมมือในระดับภูมิภาค ประกอบด้วย สำนักงานส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายสัตว์ป่าและพันธุ์พืชแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN-WEN LEEO), สำนักงานส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายสัตว์ป่าและพันธุ์พืชแห่งภูมิภาคเอเชียใต้ (SA-WEN), หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจตามข้อตกลงลูซาก้า (LATF), ประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ, สาธารณรัฐประชาชนจีน สหรัฐอเมริกา และประเทศจากทวีปแอฟริกาจำนวนมาก รวมทั้งหน่วยงานระหว่างประเทศ ได้แก่ ตำรวจอาเซียน (ASEANPOL) สหภาพตำรวจยุโรป (EUROPOL) องค์การตำรวจสากล (INTERPOL), สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) องค์การศุลกากรโลก (WCO), สำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES Secretariat) และหน่วยงานในประเทศไทย ได้แก่ กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษและสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ปฏิบัติการนี้ได้รับการประสานงานโดยทีมงานประสานงานระหว่างประเทศ (International Coordination Teams : ICT) ที่ตั้งปฏิบัติการในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานด้านการบังคับใช้กฎหมาย สัตว์ป่า ศุลกากร ตำรวจป่าไม้และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ รวมทั้งหน่วยงานระหว่างรัฐบาล ปฏิบัติการนี้ดำเนินการครอบคลุมทั้งประเทศต้นทาง ปลายทางและประเทศทางผ่าน โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมาย เส้นทางการลักลอบขนส่งข้ามแดน ตลอดจนวิธีการสืบสวน สอบสวนระหว่างหน่วยงาน เพื่อแสวงหาแนวทางยกระดับทักษะการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสัตว์ป่าและพืชป่าของแต่ละประเทศ โดยมีผู้ประสานงานองค์กรระดับชาติเป็นผู้นำ

ผลจากปฏิบัติการคอบบร้า ครั้งที่ 3 ทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยมากกว่า 300 คน รวมไปถึงการจับตัวการสำคัญและจับกุมการซื้อขายสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายมากกว่า 600 ครั้ง ซึ่งสามารถโยงไปถึงเครือข่ายการก่ออาชญากรรมและกิจกรรมต่างๆ โดยสิ่งของผิดกฎหมายที่จับกุมได้ อาทิ งาช้างมากกว่า 12 เมตริกตัน นอแรด 119 ชิ้น ไม้เนื้อแดง 10 เมตริกตัน และเต่าดำ จำนวน 344 ตัว นอกจากนี้ยังยึดอาวุธปืนและกระสุนได้อีกจำนวนมาก

ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นคือการจับกุมงาช้าง 4.3 ตัน (หนึ่งในการขนส่งงาช้างที่ใหญ่ที่สุด) ในประเทศไทย โดยจับกุมได้ระหว่างการขนส่งจากสาธารณรัฐคองโกไปยังสาธารณประชาธิปไตยประชาชนลาว และอีกหนึ่งอาทิตย์ถัดมา มีการจับกุมงาช้างผิดกฎหมายจำนวน 3.1 ตันจากเคนย่า ทั้งนี้ ยังมีการจับกุมงาการค้าขายงาช้างผิดกฎหมายอีกหลายครั้ง ทั้งในสิงคโปร์ จำนวน 3.7 ตัน, โมซัมบิค จำนวน 1.3 ตัน และอูกานดาจำนวน 0.6 ตัน นอกจากนี้ ยังมีการจับกุมครั้งสำคัญอื่นๆ ได้แก่ นอแรด จับกุมได้จำนวน 77 ชิ้นในโมซัมบิค เวียดนามจำนวน 31 ชิ้น นามิเบีย จำนวน 14 ชิ้นและเคนยาจำนวน 4 ชิ้น การจับกุมเกล็ดของตัวนิ่ม ในเขตปกครองพิเศษฮ่องกงสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ยังมีการจับกุมหอยเป๋าฮื้อ จำนวน 8,300 หน่วยและหนึ่งตันในแอฟริกาใต้ ในขณะที่พบวัตถุต้องสงสัยว่าเป็นกระดูกเสือในอินเดีย

ทั้งนี้ ในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เรือความเร็วสูงได้ทำการยึดสัตว์ผิดกฎหมาย ได้แก่ เต่าที่ยังมีชีวิต สัตว์เลื้อยคลาน แมงมุม เกล็ดของตัวนิ่มจำนวน 240 กิโลกรัมและจะงอยปากของนกเงือกจำนวน 10 กิโลกรัม ในสหราชอาณาจักร มีการจับกุมสินค้าต้องห้ามซึ่งได้ระบุไว้ในอนุสัญญาไซเตส จำนวน 243 ชิ้น ได้แก่ ยาเสพติดหลายชนิด อาวุธ ยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ในเยอรมนี มีการจับกุมสิ่งของผิดกฎหมายมากกว่า 110 ครั้ง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับยาแผนโบราณ และในออสเตรีย มีการจับกุมการขนส่งยาที่ผิดกฎหมายที่มีส่วนประกบของ Aloe ferox ซึ่งเป็นพืชที่ระบุไว้ในอนุสัญญาไซเตส ภาคผนวกที่ 2

ในการจับกุม พบผู้ต้องสงสัยที่เป็นตัวการใหญ่ 8 คน โดยหนึ่งในผู้ต้องสงสัยมีเชื้อสายจีนซึ่งมีส่วนเกี่ยวพันกับคดีลักลอบนำเข้านอแรดที่ใหญ่ที่สุดในนามิเบีย การลอบฆ่าช้างในอินเดีย, อีก 2 คนมีเชื้อสายจีน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจับกุมนอแรดจำนวน 1.3 ตันและ 65 ชิ้น, ชาวเวียดนามอีก 4 คน ยึด 12 แตรแรดในประเทศโมซัมบิก และอีก 6 ผู้ต้องสงสัยที่สำคัญถูกจับกุมในประเทศเคนยา เกี่ยวพันกับการยึดงาช้าง 3.1 ตันในประเทศไทยและ 3.7 ตันในประเทศสิงคโปร์ ขณะที่มีตัวการใหญ่ 2 คนที่มีส่วนร่วมในกรณีเหล่านี้เป็นผู้ลี้ภัย และในประเทศอินเดีย มี 3 ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมในการเชื่อมต่อกับความครอบครองของกระดูกเสือ

นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้กล่าวชื่นชมผลความสำเร็จของปฏิบัติการคอบบร้า ครั้งที่ 3 และกล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ให้ความสำคัญกับเรื่องคดีสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก จึงได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของความร่วมมือกับ ASEAN-WEN LEEO ในการเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูล ด้านการสืบสวน สอบสวน การลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฏหมาย

จากจำนวนคดีมากมายที่สามารถจับกุมได้ ยิ่งทำให้ทาง DSI ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่ามากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะหลายคดีที่พบในระหว่างปฏิบัติการครั้งนี้ มีความซับซ้อนและต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญ ตลอดจนต้องอาศัยความร่วมมือหน่วยงานเครือข่ายทั้งในระดับชาติ และระดับนานาชาติ และจากการที่ได้เรียนรู้ในปฏิบัติการครั้งนี้ DSI มั่นใจและพร้อมที่จะร่วมมือในการแก้ไขปัญหาสัตว์ป่าและการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนร่วมกับทาง ASEAN-WEN LEEO

พันตำรวจเอก ธีรุตน์เทวัญ มังคละวัชร์ ผู้กำกับฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า ทาง บก.ปทส.มีบทบาทหน้าที่โดยตรงด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั่วราชอาณาจักร ดูแลเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอันเกี่ยวกับความผิดทางอาญาเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและความผิดอื่นที่เกี่ยวเนื่อง และปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง

ในปฏิบัติการครั้งนี้ บก.ปทส. ได้ทำงานประสานกับ ASEAN-WEN LEEO ทำให้สามารถจับกุมคดีลักลอบค้าไม้พะยูงและงาช้างได้ ซึ่งปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงเป็นประเด็นสำคัญในประเทศไทย ที่ทางคณะกรรมการมรดกโลกแสดงความเป็นห่วง เพราะถือเป็นภัยคุกคามสำคัญที่อาจกระทบต่อการพิจารณาบัญชีเสี่ยงภาวะอันตราย รวมทั้งปัญหาการลักลอบค้างาช้าง ที่ได้กลายเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหา

ร้อยตำรวจเอกวัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ ประธานเครือข่ายปฏิบัติการคอบบร้า ครั้งที่ 3 และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายสัตว์ป่าและพันธุ์พืชแห่งภูมิภาคเอเชียใต้ (ASEAN-WEN LEEO) กล่าวเพิ่มเติมว่า "ความสำเร็จของปฏิบัติการครั้งนี้เป็นผลมาจากความมุ่งมั่นของหน่วยงานพันธมิตรทั้งหมดในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองและร่วมกันแก้ไขปัญหาการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย ทั้งจากประเทศที่เป็นแหล่งผลิต ประเทศทางผ่านและประเทศผู้บริโภค พร้อมกล่าวย้ำว่า "เราขอประกาศจุดยืนในการมุ่งปราบปรามอาชญากรรมสัตว์ป่าอย่างจริงจัง โดย ณ วันนี้เรามีเครือข่ายที่เข้มแข็ง และระบบในการติดตาม ตรวจสอบที่ดีเยี่ยม”

ท้ายสุด นาย Bonaventure Ebayi ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจตามข้อตกลงลูซาก้า (LATF) ได้แสดงความยินดีกับผลของปฏิบัติการคอบบร้า ครั้งที่ 3 และกล่าวว่า เป็นรูปแบบที่ควรจะพัฒนาและได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากรัฐบาลและประชาคมระหว่างประเทศ และย้ำว่า ทาง LATF มีความมั่นใจกับปฏิบัติการคอบบร้าว่าด้วยเงินทุนที่ได้จากประชาคมโลกจะสร้างรูปแบบที่แข็งแกร่งสำหรับการดำเนินการบังคับใช้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมโยงความร่วมมือแอฟริกาและเอเชียจะชนะในสงครามต่อต้านการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version