นายพงศ์พิเชษฐ์ นานานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนยังมีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง แม้ว่าจะชะลอตัวลงจากปีก่อนหน้า แต่รัฐบาลจีนยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ระดับ 7% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ โดยบลจ.กสิกรไทยเชื่อว่า การที่รัฐบาลจีนได้มีการเปิดโควต้าให้นักลงทุนต่างชาติเข้าลงทุนในตลาดหุ้นในประเทศ (A-Share) เพิ่มขึ้น และการเปิดตลาดเชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างหุ้นจีนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และฮ่องกง จะเป็นการช่วยเพิ่มสภาพคล่องและผลักดันให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามายังตลาดหุ้นจีนได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อราคาหุ้นจีนให้มีโอกาสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
Bloomberg ได้คาดการณ์การเติบโตของผลกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีน ว่าจะสามารถขยายตัวได้อีก 12% ทั้งนี้แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาระดับราคาหุ้น A-Share จะปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมาก แต่เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตก็ยังถือว่าไม่สูงจนเกินไป โดยอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (Forward P/E) ของดัชนี FTSE China A50 ปัจจุบันอยู่ที่ 11.65 เท่า เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 14.19 เท่า อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตลาดหุ้น A-Share ได้มีการปรับตัวลงมา เนื่องจากความกังวลของนักลงทุนที่มองว่าตลาดมีการปรับตัวขึ้นสูงและเร็วเกินไป ทำให้ตลาดเกิดความผันผวนในระยะสั้น บลจ.กสิกรไทยจึงมองว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดี ที่ผู้ลงทุนสามารถอาศัยจังหวะที่หุ้นปรับฐานนี้ เข้าลงทุนเพิ่มเติมในตลาดหุ้นจีนได้ โดยยังคงเชื่อมั่นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนในระยะยาว
นายพงศ์พิเชษฐ์กล่าวต่อว่า “ในโอกาสนี้ บลจ.กสิกรไทย จะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 4 (KCET4) ซึ่งมุ่งหวังโอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ประมาณ 6% ภายใน 1 ปี โดยจะเปิดขายครั้งเดียวในวันที่ 24-26 มิถุนายน 2558 เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนสูงจากการเติบโตของตลาดหุ้นจีน และสามารถรับความผันผวนของตลาดหุ้นจีนได้ ทั้งนี้ กองทุน KCET4 จะลงทุนในกองทุนหลักในต่างประเทศพร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ โดยเน้นลงทุนในกองทุนหลัก คือ กองทุน iShares FTSE A50 China Index ETF บริหารจัดการโดย iShares ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำในกลุ่มกองทุน ETF (Exchange Traded Fund) รายใหญ่ที่สุดในโลก โดยกองทุนหลักดังกล่าวจะมุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนี FTSE China A50 ที่ประกอบไปด้วยหุ้นจีนขนาดใหญ่ 50 ตัว ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น (หุ้น A-Share)”
กองทุนเปิดเค ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 4 (KCET4) ตั้งเป้าหมายที่จะให้ผู้ลงทุนได้โอกาสรับผลตอบแทนที่ 6%* ภายในระยะเวลา 1 ปี พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรับผลตอบแทน 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.30 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 3% และครั้งที่ 2 จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทั้งหมดและเลิกกองทุนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.70 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนอีกประมาณ 3%* ทั้งนี้เมื่อกองทุนมีอายุครบ 1 ปี บลจ.กสิกรไทยจะเปิดให้รับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบปกติได้ หรือจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและเลิกกองทุน หากหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.30 บาท (หมายเหตุ: *เป็นเพียงเป้าหมายการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดเพื่อเลิกกองทุนเท่านั้น ไม่ใช่ตัวเลขประมาณการหรือรับประกันอัตราผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับ ดังนั้นผู้ลงทุนจึงอาจจะได้ผลตอบแทนต่ำกว่าที่อ้างถึง)
ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนกับกองทุนเปิดเค ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 4 (KCET4) ได้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888