นักปรุงวิสกี้ หรือ Master Distiller มีหน้าที่ในการเฝ้าสังเกตการณ์กระบวนการผลิตทั้งหมดของโรงกลั่น ทั้งการดูแลกระบวนการหมักวัตถุดิบ และขอบข่ายงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการกลั่น ที่สำคัญที่สุด คือ การทดสอบรสชาติของแจ็ค แดเนียลส์ ในแต่ละถังว่าได้มาตรฐานรสชาติของแจ๊ค แดเนียลส์แล้วหรือยัง จึงเป็นบุคคลที่มีความสำคัญที่สุดในกระบวนการผลิตแจ๊ค แดเนียลส์ แต่ละขวด เนื่องจากนักปรุงวิสกี้ จะเป็นคนเดียวที่บอกว่าวิสกี้ถังนั้นพร้อมที่จะออกสู่ตลาดแล้วหรือยัง เพราะที่แจ๊ค แดเนียลส์ ตัวเลขของปีอาจไม่สามารถบอกได้ถึงความมีมาตรฐานของรสชาติวิสกี้แต่ละหยดอันทรงคุณค่าของแบรนด์
มร. เจฟฟ์ อาร์เน็ต (Jeff Arnett) นักปรุงวิสกี้ หรือ Master Distiller ของ แจ๊ค แดเนียลส์ เทนเนสซีวิสกี้ ชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา เรียกได้ว่าเป็นชายที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก เพราะเขาใช้เวลากว่า 80% ของแต่ละวันอยู่ที่โรงกลั่นที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาในเมืองลินชเบิร์ก และชิมวิสกี้ ประหนึ่งทุกเวลาในที่ทำงานเป็น Happy Hour!!
“ผมโชคดีมากที่ ได้มีโอกาสเป็น Master Distiller ของ แจ๊ค แดเนียลส์ วิสกี้สัญชาติอเมริกันซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก มันเป็นงานที่มีความสุขมาก ซึ่งใครๆ ก็พากันอิจฉาผม เหมือนที่ผมเคยอิจฉานักปรุงวิสกี้คนก่อนๆ ของแจ็ค แดเนียลส์ ซึ่งนับตั้งแต่ปี 1866 ก็มีเพียง 6 คนเท่านั้น คงเป็นเพราะไม่มีใครอยากลาออกจากงานนี้ และหากผม ซึ่งเป็นคนที่ 7 ในประวัติศาสตร์ 149 ปีของแจ๊ค แดเนียลส์ เจริญรอยตามนักปรุงวิสกี้คนก่อนๆ ผมคงจะอยู่ในตำแหน่งนี้อีกไม่ต่ำกว่า 20 ปี ก่อนจะส่งต่อให้ชายผู้โชคดีคนต่อไป”
ในช่วงระยะเวลากว่า 149 ปีของโรงกลั่น แจ็ค แดเนียลส์ มีนักปรุงวิสกี้เพียง 6 ท่านเท่านั้น ที่เคยทำหน้าที่นี้มาก่อน มร.เจฟ อาร์เน็ต ได้แก่
1. มร.แจ็ค แดเนียลส์ (Jack Daniels) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1866 – 1911
2. มร.เจส ม็อทโลว์ (Jess Motlow) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1911 – 1941
3. มร.เลม โทลเล่ย์ (Lem Tolley) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1941 – 1964
4. มร.เจส แกมเบิล (Jess Gamble) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1964 – 1966
5. มร.แฟรงค์ โบโบ้ (Frank Bobo) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1966 – 1988
6. มร.จิมมี่ เบดฟอร์ด (Jimmy Bedford) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1988 – 2008
7. มร.เจฟ อาร์เน็ต (Jeff Arnett) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 – ปัจจุบัน
“ก่อนจะร่วมงานกับแจ๊ค แดเนียลส์ ผมอยู่ในวงการอาหารและเครื่องดื่มมากว่า 11 ปี และได้เข้าทำงานที่โรงกลั่นของแจ๊ค แดเนียลส์เมื่อปี 2011 โดยรับผิดชอบเกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพ และดูแลควบคุมการผลิต แจ๊ค แดเนียลส์ ซิงเกิล บาร์เรล และได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกกระบวนการผลิตของแจ๊ค แดเนียลส์ ตั้งแต่การหมักบ่ม การเก็บรักษา กระบวนการกรองผ่านถ่ายไม้ การบริหารจัดการ ดูแลเกี่ยวกับถังบ่ม การบรรจุขวด จนเข้าเป็นสมาชิกของคณะ Master Taster ผู้ดูแลเกี่ยวกับรสชาติและคุณภาพผลิตภัณฑ์ จนกระทั่งในปีที่ 7 ของการทำงานกับแจ๊ค แดเนียลส์ ผมจึงได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนักปรุงวิสกี้คนที่ 7 ของแจ๊ค แดเนียลส์ ที่ต้องดูแลโรงบ่ม 77 แห่ง หรือแจ๊ค แดเนียลส์ 1.7 ล้านถังในเมืองลินช์เบิร์ก รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา ... นับเป็นความโชคดีที่สุดก็ว่าได้” มร.เจฟฟ์ กล่าว
เขาเล่าว่า สิ่งที่ทำให้แจ๊ค แดเนียลส์ แตกต่าง และมีความโดดเด่นเหนือใครประกอบด้วยปัจจัยหลายประการ นับตั้งแต่ การเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ น้ำที่ใช้มาจากน้ำแร่ในถ้ำ (Cave Spring) ที่มีอุณหภูมิคงที่ที่ 13 องศา เซลเซียส ซึ่งสะอาด บริสุทธิ์ และไม่มีการปนเปื้อนของธาตุเหล็ก กระบวนการกรองผ่านถ่านไม้ (Charcoal Mellowing) ที่ทุกหยดต้องกรองผ่านถ่านไม้ชูการ์เมเปิ้ลเพื่อขจัดรสเขื่อนขมที่เกิดจากการหมักในช่วงแรก รวมถึงรับรสชาติอันแตกต่างแต่เป็นธรรมชาติของไม้ ก่อนจะถูกนำไปบ่มในถังไม้โอ๊คขาวที่ผลิตใหม่ สำหรับแจ๊ค แดเนียลส์เท่านั้น เพื่อให้ได้กลิ่น สี และรสชาติตามมาตรฐานของแจ๊ค แดเนียลส์ ซึ่งทุกถังต้องผ่านการชิมของ Master Distiller ว่าได้มาตรฐานที่ต้องการหรือยัง
เขาสามารถแยกแยะ บอกความแตกต่าง และรับรู้ได้ในทันทีจากการจิบเพียงเล็กน้อย เพราะเขาบอกว่ากลิ่น สี และรสสัมผัสที่ปลายลิ้นจะแตกต่างกัน ทั้งกับวิสกี้ที่ได้มาตรฐานและยังไม่ได้มาตรฐาน และกับวิสกี้แต่ละชนิดที่แตกต่างกัน แม้แต่เป็นยี่ห้อไหนเขาก็สามารถบอกได้ในทันทีที่ชิม
“เฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ในตระกูลแจ๊ค แดเนียลส์เองก็มีความแตกต่างที่โดดเด่นต่างกัน โดยGentleman Jack เป็นวิสกี้ตัวที่มีความนุ่มนวลที่สุด เนื้อวิสกี้มีสีอำพันใส และมีรสชาติออกหวาน ของแจ๊ค แดเนียลส์ อันเป็นผลมาจากการผ่านกระบวนการกรองผ่านถ่านไม้ถึง 2 ครั้ง จึงให้ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของวนิลา คาราเมล และอัลมอนด์ มีความมันน้อย ให้รสชาติกลมกล่อมที่ปลายลิ้นก่อนจะรู้สึกอุ่นที่ลำคอ แต่ไม่ทิ้งความรู้สึกแรงเมื่อกลืนลงไป Single Barrel เป็นวิสกี้ที่มีรสชาติเข้มที่สุดในตระกูล แจ๊ค แดเนียลส์ เนื้อวิสกี้มีสีอำพันเข้ม พร้อมด้วยกลิ่นหอม และรสสัมผัสของ ไม้โอ๊ค วนิลา และคาราเมล พร้อมด้วยความรู้สึกอุ่นในลำคอยาวนานหลังกลืนลงไป เป็นวิสกี้สุดพิเศษที่บ่มในถังไม้ที่ตั้งบนชั้นสูงที่สุดของโรงบ่ม Jack Daniel’s Old No. 7 ที่เป็นสมาชิกในตระกูลแจ๊ค แดเนียลส์ ที่ได้รับความนิยมสูงสุด และมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในโลก จากรสชาติที่โดดเด่น และมีรสชาติกลมกล่อม มีความหวาน และกลิ่นหอมของไม้โอ๊ค และ วนิลาที่ลงตัวตั้งแต่แรกสัมผัสที่ปลายลิ้น โดย Old No.7 นิยมดื่มพร้อมน้ำแข็ง หรือนำไปผสมกับโคล่า Tennessee Honey เป็น Flavor Whisky ตัวเดียวของแจ๊ค แดนเนียลส์ที่ผสมน้ำผึ้งแท้ ให้รสชาติออกหวาน หอม สามารถดื่มแบบเดี่ยวๆ หรือผสมกับเครื่องดื่มอื่น และล่าสุด Jack Daniels Gold No. 27 ที่เปิดตัวในวันนี้ เป็นวิสกี้ระดับซูเปอร์พรีเมียมที่ผลิตด้วยกรรมวิธีพิเศษ ซึ่งมีความประณีต และพิถีพิถัน ผ่านกระบวนการกรองผ่านถ่านไม้ชูการ์เมเปิ้ล (Charcoal Mellowing) ถึง 2 ครั้ง เพื่อให้ได้รสชาติที่นุ่มละมุนมากขึ้น จากนั้นนำไปบ่มถึง 2 ครั้ง ในถังไม้สุดพิเศษที่ทำจากไม้เมเปิ้ลสีทอง (Golden-hued Maple) ทำให้เกิดรสชาติที่นุ่มละมุน สีอำพันสดใส มีกลิ่นหอมของไม้โอ๊ค และได้รสชาติหวานหอมของเมเปิ้ล คาราเมล และมอลต์”
นอกจากการชิมวิสกี้แล้ว หน้าที่ของเขายังเป็นเหมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่ต้องเดินทางไปทั่วโลกอีกด้วย มร.เจฟฟ์กล่าวว่า “การเดินทางไปทั่วโลกเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ผมได้ไปในประเทศที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ไป โดยทุกที่ที่ไปจะได้พบกับคนรักแจ๊ค แดเนียลส์มากมาย หลายคนสะสมสิ่งของที่เกี่ยวกับแจ๊ค แดเนียลส์ หลายคนสะสมแจ๊ค แดเนียลส์ขวดพิเศษ ฉลากพิเศษ หรือรุ่น Limited Edition ของแจ๊ค แดเนียลส์ ที่สำคัญคือทุกคนสามารถรวมตัวกันเป็นครอบครัวใหญ่ของคนรักแจ๊คได้ แม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนเลยก็ตาม”
ชายที่มีอาชีพที่น่าอิจฉาที่สุดในโลกยังฝากย้ำมาว่า ไม่ว่าจะชื่นชอบในการดื่มแค่ไหน สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการดื่มอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นการรับผิดชอบทั้งกับตนเอง ครอบครัว และคนรอบข้างนั่นเอง
นายภาวิน พงศ์พันธุ์ภักดี ผู้จัดการตลาดประจำประเทศไทย บราวน์ - ฟอร์แมนไทยแลนด์ แอล.แอล.ซี. ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย แจ๊ค แดเนียลส์ เทนเนสซีวิสกี้ กล่าวว่าปัจจุบัน ความนิยมในแบรนด์ แจ๊ค แดเนียลส์ ในตลาดประเทศไทยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากแจ๊คแดเนียลส์ มีผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย ทั้งรสชาติ และคาแร็คเตอร์ที่แตกต่างกัน ให้ผู้บริโภคสามารถเลือกดื่มได้ตามความชอบ และโอกาสในการดื่ม โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Jack Daniel’s Old No. 7 ซึ่งสำหรับตลาดในประเทศไทยเรามีการจัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และแบรนด์อย่างต่อเนื่องให้กับ ผู้บริโภค รวมถึงกลุ่มผู้นำทางความคิด (Opinion Leader) อาทิ บาร์เทนเดอร์ ร้านอาหาร ผับ บาร์ ต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้ และทำความเข้าใจกับแบรนด์ รวมถึงได้เทคนิคใหม่ๆ ในการเลือก และการผสมเครื่องดื่ม