พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มีหน้าที่กำกับดูแลหอพักทั่วประเทศ แต่จากปัญหาที่พบคือความหนาแน่นของร้านเหล้า และข้อมูลจากศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.)ที่สำรวจร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใต้หอพัก ในรัศมี ๕๐๐ เมตร รอบมหาวิทยาลัยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ปี ๒๕๕๗ พบว่า มีร้านเหล่านี้สูงถึงร้อยละ ๗ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการหอพักมีรายได้และกำไรต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงกฎหมาย เปลี่ยนชื่อ ในรูปแบบบ้านแบ่งให้เช่า ห้องแถว อพาร์ตเมนต์ แมนชั่น ซึ่งหากขายสุราใต้หอพัก ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.๒๕๕๑ มาตรา ๒๗(๔) ที่ระบุห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใต้หอพัก ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก ไม่เกิน ๖ เดือน ปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าที่สำคัญคือนักศึกษา ทำให้เยาวชนเข้าถึงแอลกอฮอล์ได้ง่าย อีกทั้งเป็นแหล่งมั่วสุม และเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาต่างๆ อาทิ ทะเลาะวิวาท เสียการเรียน อาชญากรรม ตั้งครรภ์ไม่พร้อม เป็นต้น
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มีความห่วงใยต่อปัญหาร้านสุราและสถานบันเทิงรอบสถานศึกษา ประกอบกับนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ได้สั่งกำชับให้ทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด โดยล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีมติเห็นชอบให้ออกประกาศห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ใกล้สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา ในระยะ ๕๐๐ เมตร ตลอด๒๔ ชั่วโมง อีกด้วย
"กระทรวงการพัฒนาฯ พร้อมเร่งผลักดันให้เกิดมาตรการควบคุมร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสถานบันเทิง ให้ห่างจากมหาวิทยาลัยในรัศมีอย่างน้อย ๕๐๐ เมตร โดยจะอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งเชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยป้องกันเด็กและเยาวชนจากภัยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเพื่อเป็นการจัดระเบียบรอบมหาวิทยาลัย ให้เป็นพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมกับการศึกษา เนื่องจากขณะนี้มีร้านสุราและสถานบันเทิงที่ตั้งอยู่รอบมหาวิทยาลัย เพิ่มขึ้นจำนวนมาก" พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวท้าย