นายโจเซฟ สุเชาว์วณิช ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแร้นช์ จำกัด (มหาชน) หรือ BR Group ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเนื้อเป็ดครบวงจรรายใหญ่ของไทย ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ได้แก่ ฟาร์มพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์เป็ด โรงฟักไข่เป็ด ฟาร์มเป็ดเนื้อ โรงงานชำแหละและแปรรูปอาหารจากเนื้อเป็ด และธุรกิจอาหารสัตว์ ดำเนินกิจการมากว่า 30 ปี เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นสามัญ (IPO) ทั้งหมด 360.40 ล้านหุ้นให้กับนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน ที่ราคา 8.80 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายกิจการ ด้วยการลงทุนสร้างโรงงานชำแหละและแปรรูปเนื้อเป็ด เพิ่มอีก 1 โรงงานที่ทางภาคตะวันออก โดยในระยะแรก โรงงานแห่งใหม่จะสามารถผลิตเนื้อเป็ดได้ประมาณ 9-10 ล้านตัวต่อปี ทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 40% จากเดิมที่ทั้งกลุ่มมีกำลังการผลิต 22 ล้านตัวต่อปี โดยโรงงานนี้ ได้รับการออกแบบให้รองรับการขยายกำลังการผลิตต่อไปได้อีกในอนาคต
"เรามีความเชื่อมั่นในแผนการขยายธุรกิจอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง ด้วยการขยายธุรกิจจำหน่ายผลิต ภัณฑ์เนื้อเป็ดสด และเนื้อเป็ดปรุงสำเร็จ เข้าสู่ตลาดใหม่ที่สำคัญในอาเซียน โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม และจีน ซึ่งมีประชากรรวมกันมากกว่า 1,600 ล้านคนและมีกำลังซื้อที่สูงขึ้นตามเศรษฐกิจที่ขยายตัว นอกจากนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเพิ่มปริมาณการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น และประเทศพัฒนาแล้วหลายแห่งซึ่งเป็นตลาดนำเข้าเนื้อเป็ดที่สำคัญ ซึ่งเราเป็นบริษัทแรกในไทยที่เริ่มส่งออกเนื้อเป็ดไปยังประเทศเหล่านี้ นอกจากนี้เราจะขยายตลาดในไทยไปยังจังหวัดใหญ่ๆ ที่สำคัญ อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี สงขลา เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น" คุณโจเซฟกล่าว
นายชยุตม์ หลีหเจริญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินกลุ่ม บมจ. บางกอกแร้นช์ กล่าวว่า บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการปรับโครงสร้างทางการเงิน ซึ่งจะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุนปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยยะ เป็น 0.4 เท่า จากเดิมอยู่ที่ 1.5 เท่า และช่วยให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ลดค่าใช้จ่ายทางการเงิน และมีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น
คุณวีณา เลิศนิมิตร Head of Capital Markets ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ ขอขอบคุณบริษัทฯ และรู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทฯ อีกครั้ง หลังจากได้ช่วยเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้แก่ผู้บริหารในการซื้อหุ้นคืนจากทางกองทุน Navis Capital Partners ผู้ถือหุ้นใหญ่รายเดิมเมื่อปี 2555 และสำหรับการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการร่วมการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ดิฉันเชื่อมั่นว่า ด้วยพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง เป็น 1 ใน 10 ผู้ผลิตเนื้อเป็ดครบวงจรระดับโลก และความพร้อมในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ หุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ จะได้รับการตอบรับอย่างสูงจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย
นายพิเชษฐ์ สิทธิอำนวย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บมจ. บางกอกแร้นช์ จะเสนอขายหุ้นสามัญจำนวน 360,400,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 8.80 บาทต่อหุ้น ที่ราคาพาร์ 5 บาท ซึ่งประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 228,000,000 หุ้นและ หุ้นสามัญเดิมจำนวน 132,400,000 หุ้น และจะระดมทุนให้บริษัทฯ ได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยหุ้นจำนวน 348,850,000 หุ้นหรือ 96.8% จะเสนอขายนักลงทุนทั่วไป และหุ้นจำนวน 11,550,000 หุ้นหรือ 3.2% จะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยเดิม กรรมการ และผู้บริหารของ บมจ. บางกอกแร้นช์ โดยนักลงทุนที่สนใจ สามารถติดต่อขอจองซื้อหุ้นไอพีโอ ของ BR ได้ตั้งแต่ศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม จนถึง พุธที่ 8 กรกฎาคม (ครึ่งวัน) ที่ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบีที จำกัด (มหาชน)
บมจ. บางกอกแร้นช์ เป็น 1 ในผู้ผลิตเนื้อเป็ดรายใหญ่ของประเทศ และเป็น 1 ใน 10 ผู้ผลิตเนื้อเป็ดแบบครบวงจรรายสำคัญของตลาดโลก มีจุดเด่นในการผลิตเนื้อเป็ดคุณภาพสูง และอาหารแปรรูปจากเป็ดพร้อมรับประทาน ระดับพรีเมียม ด้วยเทคโนโลยีระดับโลก ที่มีกำลังการผลิตเป็ดเนื้อรวมกันกว่า 25 ล้านตัวต่อปี โดยมีฐานการผลิตใหญ่ใน 2 ประเทศคือ ประเทศไทย และประเทศเนเธอร์แลนด์ (ผ่านบริษัทย่อยชื่อ บจ. ดั๊ค โท โฮลดิง ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเป็ดครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกเนื้อเป็ดมากที่สุด เป็นอันดับ 3 ในกลุ่ม EU) โดยภาพรวม บริษัทฯ ส่งออกผลิตภัณฑ์เป็ดไปมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก อาทิ เยอรมัน สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ และ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดหลัก
โดยปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้รวม 8,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากรายได้รวม 7,573 ล้านบาทในปี 2556 โดยบริษัทฯ มี กำไรขั้นต้น 1,705 ล้านบาทในปี 2557 เพิ่มขึ้น 40% จากกำไรขั้นต้น 1,218 ล้านบาทในปี 2556 และบริษัทฯ มี EBITDA ในปี 2557 เพิ่มขึ้น 55 % เป็น 1,384 ล้านบาท จาก EBITDA จำนวน 891 ล้านบาทในปี 2556 และมีกำไรสุทธิ 661 ล้านบาทในปี 2557 เพิ่มขึ้น 416 % จากกำไรสุทธิ 128 ล้านบาทในปี 2556 ซึ่งบริษัทฯ มีความสามารถในการทำกำไรในปี 2557 สูงกว่าอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยของกลุ่มผู้ผลิตอาหาร ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจาก บริษัทฯ มีจุดเด่นในการควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดีและมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง บริษัทฯ ยังสามารถขยายตลาดส่งออกได้เพิ่มมากขึ้น"