ผลการตรวจสอบปรากฏว่า อบจ. บุรีรัมย์ จัดทำ "โครงการส่งเสริมและพัฒนาการกีฬาสู่ความเป็นเลิศ" โดยเบิกจ่ายจากเงินอุดหนุน จำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ ถือเป็นการสนับสนุนงบประมาณให้กับองค์กรเอกชน และภารกิจที่สนับสนุนไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ ของ อบจ.บุรีรัมย์ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๔๕ เนื่องจากการทำกิจกรรมโครงการนี้ทางสมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำเงินอุดหนุนที่ได้รับไปใช้จ่ายเป็นค่าอาหาร ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าป้ายประชาสัมพันธ์และค่าพาหนะในการจ้างเหมารถยนต์ และนำเด็ก เยาวชน ประชาชน ตลอดถึงบุคลากรกีฬาเดินทางไปชมและเชียร์ฟุตบอลทีมบุรีรัมย์ยูไนเต๊ด ที่เข้าแข่งขันตามจังหวัดต่าง ๆ รวม ๑๖ ครั้ง ๆ ละประมาณ ๕๐๐ – 4,๙๕๐ คน การดำเนินการเช่นนี้ ไม่ถือว่าเป็นการศึกษาหรือเพิ่มพูนความรู้ หรือเป็นการส่งเสริมและพัฒนากีฬาสู่ความเป็นเลิศแต่อย่างใด และไม่ถือเป็นการดูแลหรือจัดทำการบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นตามมาตรา ๑๗ (๑๘) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ และประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเรื่องกำหนดอำนาจและหน้าที่ ในการจัดระบบบริการสาธารณะขององค์การบริหารส่วนจังหวัด
ศาสตราจารย์พิเศษชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ได้เปิดเผยว่า การตั้งงบประมาณเงินอุดหนุนขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีลักษณะเป็นโครงการหรือกิจกรรมใด ๆ ต้องจัดทำในรูปแบบที่ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์ และหากจำเป็นต้องให้มีการบำรุงหรือส่งเสริมกีฬา ก็ต้องดำเนินการอย่างถูกต้อง ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อกฎหมาย เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพทางการกีฬาอย่างแท้จริงตามวัตถุประสงค์ของโครงการด้วย ซึ่งขณะนี้ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ได้มีมติให้ อบจ. บุรีรัมย์ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและหาผู้รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งดำเนินการตามควรแก่กรณีกับผู้มีส่วนร่วมทำให้เกิดความเสียหาย พร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบระมัดระวัง รอบคอบและให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หนังสือสั่งการที่กระทรวงมหาดไทยกำหนดโดยเคร่งครัด ต่อไป