นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกลยุทธ์การทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลังว่า บริษัทจะมุ่งทำตลาดใน 3 แนวทาง ได้แก่ การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การจัดกิจกรรมส่งเสริม ณ จุดขาย การจัดโรดโชว์ในงานแสดงสินค้าต่างๆ เพื่อตอกย้ำความเป็นสินค้าพัดลมไอเย็นที่ช่วยประหยัดไฟและเป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภค โดยใช้งบประมาณส่วนหนึ่งจากงบประมาณรวมที่บริษัทตั้งไว้ 40-50 ล้านบาทตลอดทั้งปีนี้
ทั้งนี้ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ไปร่วมออกบูธแสดงสินค้าที่ประเทศจีนในงาน "กวางโจว เทรดแฟร์" โดยนับว่ามีผู้ให้ความสนใจในตัวสินค้าเป็นอย่างมาก ซึ่งภายหลังจากงานดังกล่าว ทำให้บริษัทสามารถเปิดตลาดใหม่ โดยมีลูกค้าจากประเทศแอฟริกาสนใจติดต่อเจรจาเพื่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าให้กับบริษัท โดยปี 2557 บริษัทมีการทำตลาดส่งออกคิดเป็น 15% จากยอดรวมของธุรกิจมาสเตอร์คูล
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการจัดแคมเปญ "มาสเตอร์คูลดับร้อนถวายความเย็น" เพื่อส่งเสริมการขายในช่วงเข้าพรรษานี้ เป็นการหักค่าใช้จ่ายจากการซื้อพัดลมมาสเตอร์คูล รวมทั้งการเข้ามากดไลค์และกดแชร์ในเฟสบุคมาสเตอร์คูล ทุก 1 ไลค์และกดแชร์ มีมูลค่า 10 บาท เปลี่ยนเป็นสมทบบุญเพื่อเปลี่ยนเป็นปัจจัยถวายพัดลมไอเย็นให้กับวัดต่างๆทั่วประเทศ โดยระยะเวลาแคมเปญเริ่มตั้งแต่ 21 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2558
อย่างไรก็ดี แม้จะผ่านช่วงฤดูร้อนไปและเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ แต่บริษัทยังสามารถทำตลาดสินค้าพัดลมไอเย็นได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน 2 ตลาดหลัก ได้แก่ ตลาดลูกค้าองค์กร โรงงานอุตสาหกรรม ที่ยังคงมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และตลาดส่งออกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบร้อน เช่น แอฟริกา นิวซีแลนด์ ในรูปแบบของตัวแทนจำหน่ายที่ในปี 2557 มีจำนวนกว่า 40 ประเทศ
"ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา นับว่าสินค้าของบริษัทได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มลูกค้าบ้าน ซึ่งมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นผลมาจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดเป็นระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน ทำให้สินค้าพัดลมไอเย็นของบริษัทยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกับผู้บริโภค เนื่องจากช่วยประหยัดไฟได้ถึง 10 เท่า" นายนพชัยกล่าว
ปี 2557 บริษัทมีการทำตลาดสินค้าในกลุ่มพัดลมไอน้ำ พัดลมไอเย็น ผ่านตัวแทนจำหน่ายกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ และหน้าร้านแม็คโคร โฮมโปร เมกาโฮม บิ๊กซี จัมโบ้ รวมกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเป้าหมายในการกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคอย่างทั่วถึง
อย่างไรก็ดี ในปี2557ที่ผ่านมาบริษัทมียอดขาย 460 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 300 ล้านบาท โดยปัจจุบันกลุ่มลูกค้าของบริษัท แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มลูกค้าบ้าน ขายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด อาทิ แม็คโคร โฮมโปร และเทรดเดอร์ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจ ทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ เช่นโรงงานอุตสาหกรรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น ด้วยการขายตรง
จากการประเมินมูลค่าตลาดรวมของเครื่องทำความเย็นโดยรวมในปี 2557 จะแบ่งเป็น เครื่องปรับอากาศ 23,000 ล้านบาท พัดลมประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยขณะนี้ยังไม่มีการรวบรวมมูลค่าตลาดรวมพัดลมไอเย็นจากหน่วยงานที่ชัดเจน แต่บริษัทประเมินว่ามูลค่าตลาดพัดลมไอเย็นน่าจะอยู่ที่ประมาณ 500 - 600 ล้านบาท ซึ่งมาจากทั้งสินค้าที่ผลิตในประเทศและสินค้านำเข้ามาเพื่อทำตลาดในประเทศ โดยคาดว่าในอนาคตพัดลมไอเย็นจะเป็นสินค้าที่มีบริษัทเข้ามาทำตลาดมากขึ้นและกลายเป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภค