TPARK เจาะตลาดคลังสินค้าวัตถุอันตราย ขึ้นแท่นผู้นำในการพัฒนาคลังสินค้า DG ให้เช่าในไทย

พฤหัส ๑๖ กรกฎาคม ๒๐๑๕ ๑๑:๔๑
TPARK รุกตลาด Niche Market เจาะพัฒนาคลังสินค้าวัตถุอันตรายเพื่อให้เช่า นำร่องในโครงการ TPARK บางนา และ TPARK บางพลี 1 รองรับผู้ประกอบการที่ต้องใช้สารเคมีเป็นวัตถุดิบในการผลิตของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงผู้ให้บริการโลจิสติกส์ทั้งไทย และต่างชาติ มั่นใจเป็นผู้นำในการพัฒนาคลังสินค้า DG ให้เช่าในไทย

นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด หรือ TPARK ผู้นำด้านการพัฒนาคลังสินค้าคุณภาพสูงพร้อมใช้เพื่อให้เช่ารายใหญ่ในประเทศไทย เปิดเผยว่า "หากจะกล่าวว่า "คลังสินค้าวัตถุอันตราย" เป็นตลาดเฉพาะเจาะจงกลุ่มลูกค้า หรือ Niche Market ในธุรกิจพัฒนาคลังสินค้าให้เช่าก็คงไม่ผิด เพราะคลังสินค้าวัตถุอันตราย (Dangerous Goods Warehouse : DG) ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการที่ต้องดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสารเคมีและวัตถุอันตรายจึงจำเป็นต้องมีสถานที่เก็บรักษาวัตถุอันตรายที่เหมาะสม และปลอดภัย ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และอาจกล่าวได้ว่า TPARK เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาคลังสินค้าวัตถุอันตรายเพื่อให้เช่าที่ตรงตามมาตรฐานความปลอดภัย ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตรายเป็นรายแรกและรายเดียวของไทยเลยก็ว่าได้"

"TPARK มองเห็นโอกาสในการเจาะตลาดคลังสินค้าวัตถุอันตรายนี้มาตั้งแต่ปี 2554 หากดูสถิติของการนำสารเคมีและวัตถุอันตรายมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ พบว่า มีไม่น้อยกว่า 79 ประเภท โดยในแต่ละปีมีสารเคมีที่จัดเป็นวัตถุอันตรายนำเข้าเฉลี่ยปีละ 3.5 ล้านเมตริกตัน และผลิตในประเทศปีละไม่น้อยกว่า 1.5 ล้านเมตริกตัน ซึ่งแน่นอนว่า ผู้ประกอบการในหลากหลายอุตสาหกรรมอาจต้องใช้สารเคมีในการผลิตสินค้า อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์เคมี ปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์แก้ว ซิเมนต์ คอนกรีต กระเบื้อง เซรามิค สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่ให้บริการจัดเก็บและกระจายสินค้าประเภทวัตถุอันตราย เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องมีคลังสินค้าสำหรับการจัดเก็บวัตถุอันตรายเป็นการเฉพาะ จึงทำให้ความต้องการใช้คลังสินค้า DG นี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นโอกาสให้ TPARK บุกเจาะตลาด Niche Market ในส่วนของคลังสินค้า DG และขยายการเติบโตในตลาดนี้ได้อย่างต่อเนื่อง" นายปธาน กล่าว

ปัจจุบัน TPARK มีคลังสินค้าวัตถุอันตรายตั้งอยู่ที่โครงการ TPARK บางนา ซึ่งแบ่งเป็นคลังสินค้าวัตถุอันตรายแบบพร้อมใช้เพื่อให้เช่าที่มีผู้เข้าดำเนินการแล้ว รวมทั้งสิ้น 11 ยูนิต พื้นที่รวม 16,890 ตารางเมตร และมีพื้นที่อยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาอีก 5 ยูนิต ซึ่งเป็นพื้นที่ให้เช่าขนาด 6,750 ตารางเมตร และคลังสินค้าวัตถุอันตรายแบบที่สร้างตามความต้องการของลูกค้า (Built to Suit) ขนาดพื้นที่ 4,350 ตารางเมตร ทั้งนี้ ยังมีพื้นที่ภายในโครงการที่พร้อมจะดำเนินการพัฒนาอีกในอนาคต นอกจากนี้ TPARK ยังมีโครงการ Built to Suit คลังสินค้าวัตถุอันตรายอีกแห่งที่โครงการ TPARK บางพลี 1 พื้นที่รวมกว่า 2,900 ตารางเมตร อีกด้วย

TPARK ใช้มาตรฐานการก่อสร้างคลังสินค้าวัตถุอันตรายตามข้อกำหนดของกรมโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเคร่งครัด อาทิ อาคารมีพื้นที่ตั้งแต่ 1,200 ตารางเมตรขึ้นไป ผนังอาคารและกำแพงกันไฟมีระยะเวลาทนไฟอย่างน้อย 90 นาที พื้นอาคารสามารถรับน้ำหนักสินค้าได้มากกว่า 2,000 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ใช้วัสดุที่ทนต่อน้ำและสารเคมี จัดให้มีประตูทางเข้าออกฉุกเฉินอย่างน้อย 2 ประตู หลังคาสูงถึง 10 เมตร และใช้วัสดุที่สามารถทนไฟได้อย่างน้อย 30 นาที รวมถึงสามารถระบายความร้อนและควันไฟได้ นอกจากนี้ คลังสินค้า DG ของ TPARK ยังให้ความสำคัญกับระบบป้องกันอัคคีภัย ได้แก่ การติดตั้งสปริงเกอร์ อุปกรณ์ตรวจจับควัน โคมไฟกันระเบิด และระบบระบายอากาศ เป็นต้น และด้วยมาตรฐานสากลของคลังสินค้า DG ดังกล่าว จึงทำให้ TPARK ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ พาแนลพีนา เวิลด์ ทรานสปอร์ท (ประเทศไทย), อาซเคม โลจิสติกส์ แมเนจเมนท์, รีนุส โลจิสติกส์ และ เลสชาโก้ (ประเทศไทย) เป็นต้น

"TPARK ให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนของการก่อสร้างคลังสินค้าวัตถุอันตราย และใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การออกแบบ และการเลือกวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างเพื่อให้ลูกค้าได้ใช้ดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นใจ และเต็มศักยภาพ เพราะความปลอดภัยของลูกค้า ชุมชน และสิ่งแวดล้อมรอบโครงการ สำคัญเป็นอันดับหนึ่งสำหรับ TPARK เสมอ" นายปธานกล่าวทิ้งท้าย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ