“ปีติพงศ์”เรียกประชุมสำนักชลประทานเขตลุ่มเจ้าพระยา 22 จังหวัด

ศุกร์ ๑๗ กรกฎาคม ๒๐๑๕ ๑๕:๐๖
"ปีติพงศ์"เรียกประชุมสำนักชลประทานเขตลุ่มเจ้าพระยา 22 จังหวัด ซักซ้อมแผนรับสถานการณ์หลังเริ่มลดการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลักเหลือ 18 ล้านลบ.ม./วัน ประเมินพท.นาข้าวเสี่ยงได้รับผลกระทบ 1.4 ล้านไร่ พร้อมเดินหน้ามาตรการหยุดส่งน้ำจากสถานีสูบน้ำเพื่อการเกษตรชั่วคราว

นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายการบริหารจัดการน้ำแก่สำนักชลประทานในเขตลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา 22 จังหวัด หลังคณะรัฐมนตรีมีมติลดการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลักลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาลง เหลือ18 ล้านลูกบาศเมตรต่อวันซึ่งจะเริ่มดำเนินการลดการระบายน้ำในวันพรุ่งนี้ (16 ก.ค.) ว่า ได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเร่งหามาตราการแก้ไขปัญหาใน 4 เรื่องหลัก ได้แก่ 1การสำรวจพื้นที่เสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบและต้องให้ความช่วยเหลือ 2.การบริหารจัดการหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ใหม่หรือการย้ายน้ำจากโครงการชลประทานอื่นมาช่วยเหลือโครงการชลประทานที่มีปัญหา 3 การใช้น้ำบาดาลมาช่วยในพื้นที่บางจุดที่สามารถใช้ปลูกพืชชนิดอื่น นอกเหนือจากข้าวได้ รวมทั้งประสานความร่วมมือ 4 กรมหลัก ได้แก่ กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมข้าว และกรมพัฒนาที่ดิน เพื่อให้เข้าถึงปัญหาได้ทั่วถึงและประสานงานกันได้ทันที

"กรมชลประทานต้องไปสำรวจดูว่าพื้นที่เสี่ยงอยู่ตรงไหนให้แน่ชัด เพราะนโยบายของรัฐบาลคือการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงๆ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าพระยาตอนบนหรือภาคเหนือตอนล่าง หลายพื้นที่ปลูกข้าวนาปีเริ่มจะมีการเก็บเกี่ยวแล้ว จึงไม่มีความเสียงในเรื่องปัญหาน้ำแล้ว สำหรับพื้นที่เสี่ยงเราต้องดูสภาพข้อเท็จจริง ส่วนช่วงท้ายน้ำ เช่น จังหวัดปทุมธานี อยุธยา ต้องสำรวจพื้นที่จริงให้ได้ว่ามีการปลูกข้าวกันอย่างไร ถึงจะประเมินได้ว่าจุดไหนเสี่ยง เมื่อได้จุดเสี่ยงเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องหามาตราการบรรเทาปัญหาต่างๆ ได้ ส่วนในปีหน้าจะต้องพิจารณาปรับโครงการการเพาะปลูกข้าวในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาใหม่ เพื่อให้เกิดความสมดุลกับปริมาณน้ำมากขึ้น" นายปีติพงศ์ กล่าว

ด้านนายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการประเมินผลกระทบที่อาจแกิดขึ้นหลังลดปริมาณการปล่อยน้ำใน 4เขื่อนหลัก คาดว่าจะมีพื้นที่ปลูกข้าวได้รับผลกระทบประมาณ 1.4 ล้านไร่ซึ่งถ้ามีฝนตกลงมาในช่วงนี้ก็จะมีพื้นที่เสี่ยงลดลง จากจำนวนพื้นที่ปลูกข้าวปัจจุบันจำนวน 4.9 ล้านไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกบนพื้นที่ดอนในช่วงปลายคลองชลประทานและปลูกล่าช้ากว่าจุดอื่น โดยอาจเกิดผลกระทบในช่วงระยะ 20 วันก่อนเข้าสู่ช่วงฝนปกติตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งจากนี้ไปกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จะต้องเร่งลงทำความเข้าใจกับเกษตรกร และอีกหนึ่งมาตรการสำคัญ คือ ยังจะต้องควบคุมสถานีสูบน้ำในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา กว่า355 สถานีไม่ให้มีการสูบน้ำเพิ่มเติมสำหรับภาคเกษตรในระยะ 1 – 2 วันนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าปริมาณน้ำที่เหลืออยู่จริงมีเท่าไหร่ และลำดับความสำคัญในการส่งน้ำ ซึ่งจะเน้นเพื่อการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศน์และผลักดันน้ำเค็มเป็นอันดับแรก โดยจากแผนการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลัก จะเป็นน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคจำนวน 8 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ขณะที่การจัดสรรน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์จำนวน 5 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO