"ปีติพงศ์" ชี้หลังเกษตรกรร่วมมือหยุดสูบน้ำเข้านา ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาสูงขึ้น เตรียมปูพรมเจ้าหน้าที่เกษตรสแกนเข้มพื้นที่เสี่ยงได้รับผลกระทบเพื่อเร่งช่วยเหลือเริ่มจันทร์ 20 กค.นี้

จันทร์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๐๑๕ ๑๐:๑๙
วันนี้ (18 ก.ค.58) นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์เพื่อการอุปโภคบริโภค และเพื่อการเกษตรในพื้นที่ จังหวัดปทุมธานี ณ สระเก็บน้ำพระราม 9 อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มูลนิธิชัยพัฒนา และลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์พื้นที่สุ่มเสี่ยงที่อาจจะขาดแคลนน้ำเพื่อพบปะเกษตรกรในพื้นที่ ต.หนองหมู อ.วิหารแดง จ.สระบุรี. จากนั้นได้รับฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ณ ประตูระบายน้ำพระศรีเสาวภาค โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ (ปากคลองระพีพัฒน์แยกใต้) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีที่ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าหลังจากนี้ไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งจากการติดตามปริมาณน้ำในสระน้ำพระราม 9 ที่มีความจุน้ำทั้งหมด 32 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะนี้มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 24 ล้านลูกบาตรเมตร และสามารถระบายน้ำออกไปใช้ได้อีก 12 ล้านลูกบาตรเมตร ซึ่งเพียงพอกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่และโดยรอบสระเก็บน้ำ โดยมีพื้นที่ทางการเกษตร 2 หมื่นไร่ 700 ครัวเรือน

ส่วนสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา 22 จังหวัดหลังจากขอความร่วมมือเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 22 จังหวัด หยุดการสูบน้ำเพื่อการเกษตรเป็นการชั่วคราวมาตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่า ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น 12 เซนติเมตร ทำให้กรมชลปประทานสามารถระบายน้ำไปยังพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างได้เพิ่มมากขึ้นสำหรับภาคการเกษตร แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องขอความร่วมมือเกษตรกรหยุดสูบน้ำอีก 2 วัน เพื่อประเมินปริมาณน้ำที่คงเหลืออยู่จริง เพื่อนำมาจัดสรรให้แก่พื้นที่เกษตรตามลำดับความสำคัญ โดยไม่ส่งผลกระทบกับปริมาณน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและผลักดันน้ำเค็มที่ปล่อยน้ำลงมาจาก 4 เขื่อนหลัก

สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาภัยแล้ง โดยการดึงน้ำฝั่งตะวันตก จากเขื่อนศรีนครินทร์-วชิราลงกรณ โดยระบายผ่านคลองจรเข้สามพัน ลงแม่น้ำท่าจีนแล้วผันเข้าคลองผ่านประตูน้ำผักไห่-เจ้าเจ็ด ลงแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณบางไทร นั้นแม้ว่าสามารถทำได้ แต่ไม่อยากทำ เพราะทราบดีว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความจำเป็นต้องใช้น้ำเช่นกัน

นายปีติพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งจากข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศคาดว่าจะมีพื้นที่ข้าวเสี่ยงได้รับความเสียหายประมาณ 1.4 ล้านไร่ โดยในวันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคมนี้ กระทรวงเกษตร ฯได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ เพื่อสำรวจว่าพื้นที่ใดบ้างสุ่มเสี่ยงที่อาจจะขาดแคลนน้ำที่ชัดเจน เช่น พื้นที่ที่ปลูกข้าวและอยู่ระหว่างต้นข้าวตั้งท้อง พื้นที่ที่ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และพื้นที่ที่ปลูกข้าวหลังเดือนพฤษภาคม ทั้งนี้เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดก่อนจะประมวลผลเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือให้เหมาะสมแต่ละพื้นที่ต่อไป อย่างไรก็ตาม มาตรการช่วยเหลือตอนนี้ ประกอบด้วย 1. การจ้างงานเพื่อปรับปรุงระบบชลประทาน 2.สนับสนุนเกษตรกรหันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อย เช่น ถั่วเขียว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แทนการปลูกข้าว 3.ส่งเสริมการหารายได้เสริมในชุมชน ทั้งเพื่อการบริโภคในชุมชนและเหลือจำหน่าย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO