นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) กล่าวว่า หลังจาก บลจ. ทิสโก้ เปิดเสนอขาย "กองทุนเปิด ทิสโก้ อินเดีย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8%#1" ในเดือนที่ผ่านมา โดยเป็นกองทริกเกอร์ฟันด์ที่ลงทุนในหุ้นอินเดียกองแรกของ บลจ. ทิสโก้ เพื่อเปิดโอกาสเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุน จากความโดดเด่นของพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและความน่าสนใจของตลาดหุ้นอินเดียนั้น
ล่าสุด ณ วันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา กองทุนดังกล่าวมีมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ที่ 10.8248 บาทต่อหน่วย จึงเข้าเงื่อนไขเลิกโครงการก่อนกำหนด และเตรียมเลิกกองคืนผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนต่อไป โดยใช้ระยะเวลาบริหารกองทุนเพียง 1 เดือนเศษ ตอกย้ำความเป็นผู้นำการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ และผู้นำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่สามารถตอบโจทย์การลงทุนที่ในจังหวะเวลาที่เหมาะสมได้เป็นอย่างดี
"สำหรับตลาดหุ้นอินเดียถือเป็นโอกาสใหม่ที่น่าลงทุน และเราแนะนำนักลงทุนให้จับตามอง หลังการเข้ามาของ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่มีหัวปฏิรูปและมุ่งมั่นในการเข้ามาปฏิรูปเศรษฐกิจในหลายๆ ด้าน ซึ่งส่งผลดีต่อตลาดหุ้น เราจึงมองว่าหุ้นอินเดียมีความน่าสนใจมาก และมีอัพไซด์สูง ประกอบกับหุ้นอินเดียมีการปรับฐาน จึงได้มีการออกกองทริกเกอร์หุ้นอินเดีย ผ่านมาเพียงเดือนเศษๆ ตลาดหุ้นอินเดียก็ปรับตัวสูงขึ้นมาตามคาด และเร็วกว่าที่คาดไว้ด้วยซ้ำ เพราะเวลาตั้งเป้าหมายเราจะตั้งเป้าหมายในระยะเวลา 8 เดือนไม่ใช่การเก็งกำไรระยะสั้น ซึ่งผลงานในครั้งนี้คงเป็นบทพิสูจน์ถึงความเชี่ยวชาญในการลงทุนต่างประเทศ และการจับจังหวะการลงทุนอย่างแม่นยำของทิสโก้ได้อีกครั้ง" นายสาห์รัช กล่าว
ทั้งนี้ ณ วันที่ 20 ก.ค. 58 บลจ.ทิสโก้สามารถบริหารกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ ถึงเป้าหมายเลิกโครงการแล้ว 65 กองทุน จากจำนวนทริกเกอร์ฟันด์ภายใต้การจัดการทั้งหมด 101 กองทุน ผู้สนใจกองทุนทิสโก้ สามาถติดต่อ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4
คำเตือน
· ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
· การกำหนดเป้าหมาย 8% เป็นเพียงการกำหนดเป้าหมายที่เป็นเหตุให้มีการเลิกกองทุนหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเท่านั้น ไม่ใช่ประมาณการหรือการรับประกันว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตามมูลค่าที่กำหนดเมื่อเลิกกองทุนหรือเมื่อมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ ทั้งนี้ หากภาวะตลาดหรือภาวการณ์ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปจากการคาดการณ์ กองทุนรวมอาจไม่ดำเนินการเลิกกองทุนหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติก็ได้ ซึ่งเป้าหมายเลิกโครงการเป็นเป้าหมายก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง (ถ้ามี)
· ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต